29 May 2011

มีงานสัมมนาหนึ่งในอเมริกาที่ตั๋วเข้าฟังขายหมดล่วงหน้า 5 เดือน นั้นคือ 99% Conference ที่จัดโดย GE โดยในปีนี้ประเด็นหลักของงานสัมมนาครั้งนี้คือเรื่องของ Wisdom at Work ครับ โดยงานสัมมนานี้ต่างจากงานสัมมนาทั่วไปที่ไม่ได้เน้นในเรื่องของการของได้มาหรือการคิดเพื่อให้ได้แนวคิดใหม่ๆ แต่เขามุ่งเน้นที่ทำอย่างไรถึงจะทำให้แนวคิดหรือไอเดียต่างๆ สามารถเกิดขึ้นได้จริง เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Transforming your vision into reality ครับ นักพูดที่มาพูดที่งานนี้ก็มาจากหลากหลายสาขามากครับ ดังนั้นสัปดาห์นี้ผมเลยขอพาท่านผู้อ่านมาลองดูคำคมๆ จากนักพูดต่างๆ ในงาน 99% นี้นะครับ เผื่อสามารถแปลงไอเดียไปสู่การปฏิบัติได้เช่นเดียวกันครับ

คนแรกชื่อ Aaron Dignan ผู้เขียนหนังสือ Game Frame ระบุไว้เลยครับว่าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างมุ่งมั่นและทุ่มเทเมื่อเล่นเกมมากกว่าในขณะที่ทำงานหรือเรียนหนังสือ ดังนั้นคำถามสำคัญคือทำอย่างไรถึงจะนำความรู้สึกหรืออารมณ์ในขณะที่เล่นเกมมาใช้กับการทำงาน เรียนหนังสือ หรือสิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวัน?

Dignan ให้คำแนะนำว่าคนเราจะเบื่อง่าย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการเบื่อจากการเรียนหรือการทำงาน ในขณะที่การเล่นเกมนั้นจะทำให้เรารู้สึกว่าถูกหรือได้รับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง และในการเล่นเกมนั้นนอกเหนือจากความตื่นเต้นและท้าทายแล้ว เรายังได้ทดสอบและพิสูจน์ทักษะ ความสามารถของเราอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้การเล่นเกมยังมีองค์ประกอบของความไม่แน่นอนอยู่ ว่าเราจะผ่านด่านแต่ละด่าน ซึ่งความไม่แน่นอนเหล่านี้ก็เป็นพื้นฐานที่นำไปสู่ความตื่นเต้น ดังนั้นคำถามสำคัญคือเราสามารถแปลงงานต่างๆ ส่ิ่งที่ทำในชีวิตประจำวันของเราเป็นเกมได้หรือไม่ เพื่อทำให้เกิดทั้งความตื่นเต้นและความมุ่งมั่นต่อสิ่งที่เราทำ

ท่านผู้อ่านลองนึกภาพงานที่ท่านทำดูนะครับ ไม่ว่าการประชุม การส่งอีเมล การเขียนรายงาน การอ่านบทความนี้ ฯลฯ ท่านผู้อ่านสามารถที่จะแปลงให้อยู่ในรูปแบบของเกมได้หรือไม่?? ถือว่าเป็นอีกมุมมองหนึ่งที่น่าคิดและน่าลองนะครับ

อีกคนหนึ่งที่มาพูดคือ Andrew Zuckerman ซึ่งเป็นนักถ่ายภาพบุคคลชั้นนำของโลก และ Zuckerman เพิ่งเสร็จสิ้นโครงการหนึ่งชื่อ WISDOM Project โดยเขามีภารกิจต้องไปถ่ายภาพและสัมภาษณ์บุคคลที่มีความโดดเด่นที่มีอยู่เกิน 65 ปีทั่วโลกในเรื่องเกี่ยวกับ WISDOM และเขาก็ได้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำให้โครงการ WISDOM ของเขาประสบความสำเร็จที่ 99% Conference เหมือนกันครับ

เริ่มจากความสำเร็จของ WISDOM ที่เกิดข้ึนได้นั้น ไม่ได้มาจากแรงบันดาลใจเพียงอย่างเดียวครับ แต่เป็นเรื่องของความอยากรู้ อยากเห็น (Curiosity) และความเข้มงวดในการทำงาน เขายอมรับเลยครับว่าการทำงานหนักอย่างมุ่งมั่นเป็นสิ่งที่แบ่งแยกระหว่างผู้ที่ประสบความสำเร็จกับผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จ เขาเองต้องใช้เวลาเดินทางไปวันๆ กับอุปกรณ์และเครื่องมือที่หนักอึ้ง สุดท้ายมีเวลาถ่ายภาพและสัมภาษณ์คนแต่ละคนเพียงแค่ 30 นาที แต่เขาก็ยอมทำเพื่อให้งานออกมาได้สำเร็จ

ที่ผมชอบมากที่สุดเป็นคำกล่าวที่เป็นภาษาอังกฤษสองประโยคครับ ประโยคแรก คือ ‘You don’t need to know what you’re doing. The most important thing is to be honest’ หรือถ้าแปลเป็นไทยง่ายก็คือคุณอาจจะไม่ต้องรู้เลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ สำคัญที่สุดก็คือต้องซื่อสัตย์ (เหมาะกับการเมืองไทยในปัจจุบันมากครับ) และประโยคที่สองคือ ‘You can’t get to wonderful without passing through alright.’ ซึ่งเป็นคำคมจาก Bill Withers โดยถ้าเราจะทำอะไรให้สำเร็จนั้นจะต้องมีทั้งความอดทน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่กดดันตนเองมากเกินไป 

จริงๆ สิ่งที่ Zuckerman ได้เรียนรู้จากโครงการ WISDOM นั้นก็ย้อนกลับมาที่หลักพระพุทธศาสนานั้นแหละครับ ทั้งเรื่องของความเพียร ความซื่อสัตย์ และการเดินสายกลาง