9 December 2025

สัปดาห์นี้มาต่อกันที่แนวคิดสำหรับการคิดกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับปี 2026 ที่กำลังจะมาถึง ในสัปดาห์ที่แล้ว เริ่มไว้ที่ 3 ประเด็น ได้แก่ 1. Smart Efficiency 2. Time Advantage และ 3. Trust Capital สัปดาห์นี้มาต่อกันที่แนวคิดอื่นต่อไปเลย

4. Segment of One เป็นการมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าแต่ละบุคคล หรือ Hyper-Personalization จากเดิมที่นึกถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็จะนึกถึงกลุ่มลูกค้าแบบกว้างๆ แบ่งตามเพศ อายุ หรือ ระดับรายได้ แต่ปัจจุบันพัฒนาการของเรื่องข้อมูล เทคโนโลยี และ AI ทำให้สามารถออกแบบสินค้า บริการ และประสบการณ์ออกมาตรงกับความต้องการที่จำเพาะสำหรับแต่ละคนมากยิ่งขึ้น

Hyper-Personalization ไม่ต้องเริ่มจากระบบ AI ขนาดใหญ่ แต่เริ่มจากว่าธุรกิจรู้จักลูกค้ามากน้อยเพียงใด มีข้อมูลใดของลูกค้าไว้บ้าง และมีการนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์เพียงใด อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลของลูกค้ามาช่วยในการออกแบบ Customer Journey เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้าไม่ใช่แค่การซื้อครั้งเดียว แต่เป็นความสัมพันธ์ในระยะยาว

5. Winning on Results แข่งกันที่ผลลัพธ์จริงที่ลูกค้าจะได้รับ ไม่ใช่แค่สินค้าหรือบริการ แนวคิดนี้มีพื้นฐานมาจากเรื่องของ Job-to-be-done ที่ลูกค้าไม่ได้ต้องการซื้อสินค้าหรือบริการ เพราะตัวสินค้า แต่ต้องการนำสินค้าดังกล่าวไปทำงานให้สำเร็จ แทนที่จะมองการแข่งขันเป็นการแข่งขันในเรื่องของสินค้าและบริการ ก็ควรจะมองเป็นการแข่งขันที่ผลลัพธ์หรือความสำเร็จที่ลูกค้าจะได้รับจากการใช้สินค้าและบริการ

เริ่มจากคิดว่าอะไรคือผลลัพธ์หรือความสำเร็จที่ลูกค้าต้องการ จากนั้นค่อยออกแบบสินค้า การบริการ ประสบการณ์ ที่ช่วยทำให้ลูกค้าบรรลุผลลัพธ์หรือความสำเร็จดังกล่าว เช่น บริษัทซอฟแวร์ไม่ควรจะขายเพียงแค่โปรแกรม บริการ หรือ โซลูชั่น แต่ควรจะมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์หรือความสำเร็จที่ลูกค้าต้องการ เช่น ยอดขายที่สูงขึ้น การบริหารลูกค้าที่ดีขึ้น หรือ ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น สิ่งที่ลูกค้าต้องการจะไม่ใช่แค่สินค้าหรือบริการอีกต่อไปเท่านั้น แต่ต้องการผลลัพธ์หรือความสำเร็จที่สามารถจับต้องได้

6. Playing the Right Game เติบโตอย่างมีพันธมิตรในระบบนิเวศน์ และมีบทบาทที่ชัดเจนในระบบนิเวศน์ดังกล่าว การแข่งขันไม่ใช่เพียงแค่บริษัทแข่งกับบริษัท แต่เป็นการแข่งขันระหว่างระบบนิเวศน์ นึกภาพ iOS แข่งกับ Android หรือ Max Card แข่งกับ Blueplus+ แข่งกับ The1Card เป็นต้น ธุรกิจไม่สามารถที่จะโตเดี่ยวๆ แบบไร้พันธมิตร ไม่อยู่ในระบบนิเวศน์ได้ และในระบบนิเวศน์ดังกล่าวองค์กรจะมีบทบาทอย่างไร

บทบาทในระบบนิเวศน์ประกอบด้วย วาทยากรหรือ Orchestrator ที่เปรียบเสมือนเป็นเจ้าของ ผู้ออกแบบ แกนหลัก หรือ เป็นกำลังเสริม (Complementor) ที่ทำให้ระบบนิเวศน์มีคุณค่าในสายตาลูกค้าสูงขึ้น หรือ เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ (Sepcialist) ที่เก่งในเรื่องใดเรื่องหนึ่งและนำตนเองเข้าไปเชื่อมกับระบบนิเวศน์ของคนอื่น ทำหน้าที่ที่ไม่มีใครแทนได้

7. Positive-Sum Growth การสร้างการเติบโตแบบไม่มีใครโดนทำลาย ในอดีตภาพของการเติบโตจะไปผูกกับคำว่า Disruption หรือการทำลายสิ่งเดิมๆ ที่มีอยู่แล้ว ทำให้มีธุรกิจที่ชนะ และที่แพ้ เช่น สายการบินต้นทุนต่ำ Disrupt ธุรกิจสายการบิน ก็ทำให้ธุรกิจสายการบินจำนวนมากต้องประสบปัญหาและการขาดทุน

แต่จริงๆ แล้วในโลกธุรกิจยังมีพื้นที่อีกมาก ที่ปัญหาหรือ Pain Point ของลูกค้ายังไม่มีใครดูแล ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตและสร้างตลาดใหม่ๆ ได้โดยไม่ได้ไปแย่งลูกค้าจากธุรกิจอื่น ผู้บริหารต้องลองคิดใหม่ว่าแทนที่จะไปคิดว่าจะแย่งลูกค้าจากคู่แข่งได้อย่างไร แต่อะไรคือปัญหาของคนในสังคมไทย ที่ยังไม่มีธุรกิจไหนเข้าไปแก้ไขและดูแลแบบจริงจัง

แนวคิดทางกลยุทธ์สำหรับปี 2026 ทั้ง 7 ประการที่นำเสนอในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใช่เช็กลิสต์ แต่เป็นแนวคิดให้ผู้บริหารหยุดคิด และลองพิจารณาว่าจะสามารถนำไปปรับใช้กับกลยุทธ์ในปี 2026 ที่กำลังจะมาถึงนี้ได้อย่างไร