10 December 2024

ถึงช่วงสิ้นปี ก็ถือเป็นหลักหมุดหมายที่จะมาทบทวนว่าในรอบปีที่ผ่านมามีเรื่องราวหรือพัฒนาการอะไรที่สำคัญบ้าง จึงขอทบทวนว่าในด้านกลยุทธ์นั้น ในรอบปีที่ผ่านมาได้มีพัฒนาการหรือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอะไรบ้าง

1. การนำ AI มาใช้ในกระบวนการจัดทำกลยุทธ์ – นอกเหนือจากบทบาทของ AI ในฐานะเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ แล้ว มีการนำ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการคิดและวางแผนกลยุทธ์มากขึ้น เช่น ในเรื่องของการนำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่และให้ AI คาดการณ์ต่อแนวโน้มหรือความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในรูปแบบของ Predictive Analytics 

ซึ่งก็ต่อยอดไปให้ AI ช่วยจัดทำ Scenario ที่เป็นภาพหรือความเป็นไปได้ในหลายๆ รูปแบบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งยังมีตัวอย่างของการนำ AI มาใช้จำลองสภาพทางการตลาดที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ผู้บริหารสามารถกำหนดกลยุทธ์เพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อความไม่แน่นอน 

การนำ AI มาบูรณาการกับการจัดทำกลยุทธ์ ทำให้ธุรกิจสามารถปรับตนเองจากการวางแผนกลยุทธ์แบบดั้งเดิม มาสู่การคิดกลยุทธ์ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่ไม่แน่นอนมากขึ้น

2. บูรณาการเรื่องความยั่งยืนเข้าไปในกลยุทธ์ – โดยจะพบเห็นในหลายบริษัทที่นำเรื่องของความยั่งยืนไปเป็นแก่นหรือแกนในกลยุทธ์ของบริษัท ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ CSR เพื่อภาพลักษณ์ หรือเพียง ESG เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนเท่านั้น 

กลยุทธ์ของหลายบริษัท จะเป็นเรื่องของการสร้างความยั่งยืน ทั้งการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การลดการปล่อยของเสีย การใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่ามากขึ้น หรือ ผลิตภัณฑ์ที่มีกระบวนการผลิตที่เน้นความยั่งยืนมากขึ้น ทำให้นิยามความสำเร็จทางกลยุทธ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องของการเงินแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่อยู่ที่ความสำเร็จในด้านของความยั่งยืนด้วย

3. กลยุทธ์มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวขึ้น – จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ทั้งกระบวนการในการจัดทำกลยุทธ์ และตัวกลยุทธ์ได้มีการปรับไปจากรูปแบบดั้งเดิม จากในอดีตที่มีกลยุทธ์ระยะกลางและยาว ก็ปรับไปสู่กลยุทธ์ปีต่อปีมากขึ้น

กระบวนการในการกำหนดกลยุทธ์ก็เริ่มเปลี่ยนไปจากที่เริ่มทำตั้งแต่ครึ่งปีล่วงหน้า จะปรับกลยุทธ์ทีก็รอไว้ปรับในปีหน้า ก็กลายเป็นการคิดและปรับกลยุทธ์กันเกือบทุกไตรมาส ในปีนี้หลายธุรกิจต้องปรับทั้งกลยุทธ์ (และอาจจะปรับผู้บริหาร) เนื่องจากปัจจัยภายนอกที่เปลี่ยนไป เช่น จากสถานการณ์เศรษฐกิจและค่านิยมในจีนที่เปลี่ยนไป ก็ทำให้ LVMH ต้องปรับกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นไปที่อินเดียและอเมริกาใต้มากขึ้น หรือ เงินเฟ้อและคู่แข่งขันในจีนทำให้ Starbucks ต้องเปลี่ยนทั้งผู้บริหารและกลยุทธ์กันใหม่ในช่วงกลางปี

4. กลยุทธ์การเติบโตจะเน้นการจับมือไปด้วยกันมากขึ้น – การเติบโตในลักษณะของ “ข้ามาคนเดียว” จะเห็นได้น้อยลง และธุรกิจจะมองการเติบโตในลักษณะของ Ecosystems ที่เติบโตไปพร้อมๆ กับคู่ค้าและลูกค้ามากขึ้น โดยผู้บริหารมองว่าถ้าสามารถทำให้คู่ค้าและลูกค้าเติบโตไปพร้อมๆ กัน ก็ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในเชิงคุณค่าต่อสังคมและจะส่งผลดีต่อธุรกิจไปพร้อมๆ กัน

5. การมุ่งเน้นที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและการลดต้นทุน – อาจจะกล่าวได้ว่าสำหรับหลายๆ ธุรกิจแล้วปี 2024 ที่ผ่านมาจะเป็นปีแห่งการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ปีที่ผ่านมาโอกาสในการเพิ่มรายได้ไม่ได้มากเหมือนในอดีต ทำให้ธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของประสิทธิภาพและต้นทุนมากขึ้น

หลายธุรกิจต้องทบทวนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของตนเอง พยายามไม่ทำให้สินทรัพย์เพิ่มพูนจนเกินความจำเป็น และเน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการลดต้นทุน สังเกตได้จากเครือข่ายร้านอาหารชั้นนำหลายแห่งที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการรับคำสั่งอาหารมากขึ้นและลดจำนวนพนักงานหน้าร้านลง ในปีนี้พบว่าตัวชี้วัดในด้านประสิทธิภาพมีความสำคัญมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนต่อรายได้ หรือ รายได้ต่อจำนวนพนักงาน หรือ กำไรต่อจำนวนพนักงาน

ทั้ง 5 ประเด็นข้างต้นเป็นสิ่งที่สังเกตได้ในเรื่องกลยุทธ์ในรอบปี 2024 ที่ผ่านมา และเชื่อว่าในปีหน้า ทั้ง 5 ประเด็นข้างต้นก็จะยังคงมีบทบาทและความสำคัญต่อไปในปีหน้า