
4 November 2024
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Apple ได้เปิดให้ดาวน์โหลดอัพเดทของระบบปฏิบัติการที่มี AI หรือ Apple Intelligence เป็นส่วนประกอบ ซึ่งเมื่อเทียบกับยักษ์ใหญ่ไอทีเจ้าอื่นแล้ว จะเห็นได้ว่า Apple มีการเคลื่อนไหวทางด้าน AI ที่ช้ากว่ายักษ์ใหญ่ อย่าง Microsoft, Google หรือ Meta
แต่เมื่อย้อนกลับไปดูกลยุทธ์ทางด้านเทคโนโลยีของ Apple จะไม่แปลกใจเท่าไรที่ Apple ไม่ได้เร่งรีบที่จะเป็นผู้นำในด้าน AI จากเหตุการณ์ในอดีตพบว่าเมื่อเป็นเรื่องของเทคโนโลยีใหม่แล้ว Apple จะค่อนข้างมีความรอบคอบ ระมัดระวัง ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า
ในเชิงกลยุทธ์ เป็นที่รับรู้ว่า Apple ไม่ได้เน้นกลยุทธ์การเป็นรายแรกหรือ First Mover โดย Apple จะมุ่งเน้นการค่อยเป็นค่อยไป และหาหนทางเพื่อนำเทคโนโลยีใหม่มาเชื่อมโยงกับฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ของตน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ใหม่และแตกต่างให้กับลูกค้า
ตัวอย่างหนึ่งคือเครื่องเล่น MP3 ที่ Apple เปิดตัว iPod ในปี 2001 ทั้งๆ ที่เครื่องเล่น MP3 เครื่องแรกออกสู่ตลาด ในปี 1997 เมื่อ iPod เปิดตัวออกมาก็โดดเด่นทั้งในเรื่องของการออกแบบ การใช้งานที่ง่าย และการเชื่อมต่อกับ iTunes เช่นเดียวกับกรณีของ iPhone ที่ไม่ใช่สมาร์ทโฟนแรกที่ออกสู่ตลาด แต่ก็กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ปฏิวัติวงการ ทั้งในด้านการใช้งานและความเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ของ Apple
เมื่อดูกลยุทธ์ของ Apple ในด้าน AI และเปรียบเทียบกับแนวคิดของการเป็น รายแรก (First Mover) หรือ ผู้ตามที่รวดเร็ว (Fast Follower) หรือ ผู้ตามที่เฝ้ารอ (Late Mover) นั้น จะพบว่าสำหรับ AI Apple เลือกที่จะเป็น Late Mover มากกว่า
อาจจะดูเหมือนว่าในระยะสั้น Apple จะเสียเปรียบคู่แข่ง โดยเฉพาะรายแรกๆ ที่นำ AI ออกสู่ตลาดหรือนำ AI มาบูรณาการกับผลิตภัณฑ์ของตนเอง แต่จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาการเป็น Late Mover ของ Apple นั้น ก็เปิดโอกาสให้ Apple ได้ปรับปรุงและพัฒนาจนเทคโนโลยีเหล่านั้นสามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบนิเวศร์ของ Apple และ สร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
OpenAI และ Google แข่งขันกันในการพัฒนาเทคโนโลยีด้าน GenAI ขณะที่ Microsoft ก็เป็นรายแรกๆ ที่นำ GenAI เข้ามาใช้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง ขณะที่ Apple นั้นค่อยๆ นำ AI เข้ามาบูรณาการกับผลิตภัณฑ์และบริการของตนเอง โดยมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับเรื่องของความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และการใช้ประโยชน์กับระบบนิเวศน์ (Ecosystems) ของตนเองเป็นหลัก
ความแตกต่างที่ Apple จะพยายามชูขึ้นมาสำหรับ AI ของตนนั้นคือ เรื่องของ AI ที่ประมวลผลบนเครื่อง หรือ On-Device AI Processing ที่โมเดล AI ของ Apple จะประมวลผลข้อมูลบนเครื่องของผู้ใช้ และจะพยายามไม่ให้ข้อมูลของผู้ใช้ถูกส่งขึ้นไปประมวลผลบนคลาวด์ หรือ ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็จะเป็นคลาวด์ของ Apple เองที่มีระบบปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ซึ่งทั้งหมดนี้ก็สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของ Apple ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้
ในมุมมองทางด้านกลยุทธ์นั้น นักวิชาการหลายคนยกย่องให้ Apple เป็นเจ้าของ Strategic Patience หรือความอดทนเชิงกลยุทธ์ นั้นคือกลยุทธ์ที่ไม่รีบร้อนที่จะเข้าสู่ตลาดใหม่หรือรีบใช้เทคโนโลยีใหม่ บริษัทที่ใช้กลยุทธ์ Strategic Patience จะเน้นในเรื่องของ “ดีที่สุด” มากกว่า “เร็วที่สุด”
กลยุทธ์ที่ไม่รีบร้อนนั้น ยังช่วยให้เรียนรู้จากความผิดพลาดของคู่แข่งขันที่เน้นในเรื่องของความเร็วและเป็นรายแรกๆ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เริ่มอยู่ตัวและนิ่งมากกว่า
กลยุทธ์ของ Apple ในเรื่องของ AI ที่ไม่รีบร้อน แต่จะเน้นนำจุดแข็งหรือความโดดเด่นที่มีอยู่เข้ามาผสมผสานกับการนำ AI และเชื่อว่า Apple คงไม่ได้มองแค่ชัยชนะในระยะสั้นเท่านั้น แต่ Apple มีความมั่นใจว่าจากการเฝ้ารอและการต่อยอดจุดแข็งที่มีอยู่ จะทำให้ในระยะยาว Apple สามารถประสบความสำเร็จมากกว่าคู่แข่งในสมรภูมิ AI
