
24 July 2011
ผู้บริหารและองค์กรต่างๆ จะให้ความสำคัญกับเรื่องของความพึงพอใจในการทำงานของพนักงาน และมีการสำรวจเรื่องนี้กันอย่างจริงจังในรูปแบบต่างๆ ส่วนใหญ่เราก็มักจะเข้าใจว่าความพอใจในการทำงานของพนักงานนั้นขึ้นอยู่กับหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน บรรยากาศในการทำงาน สถานที่ทำงาน แรงจูงใจ ความท้าทายของงาน ฯลฯ อย่างไรก็ดีนักจิตวิทยายังคงมีการศึกษาและมีการค้นพบใหม่ๆ ถึงปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อความพอใจของพนักงานต่อการทำงาน
ปัจจัยประการแรกคือความยุ่งยากของงานเอกสารประจำที่ต้องทำครับ ผลการวิจัยพบว่าความพอใจต่อการทำงานของพนักงานมีความสัมพันธ์กับงานเอกสารที่ต้องทำในแต่ละวัน ท่านผู้อ่านอาจจะคิดว่าเรื่องงานเอกสารต่างๆ นั้น เป็นเรื่องเล็กๆ นะครับ แต่เรื่องเล็กๆ เหล่านี้กลับส่งผลต่อความพอใจในการทำงานของพนักงานนะครับ ดังนั้นถ้าท่านผู้บริหารอยากจะเพิ่มความพอใจของพนักงานก็ไม่ยากครับ ผู้บริหารควรจะหาทางในการทำให้พนักงานไม่ต้องยุ่งยากเกี่ยวกับพวกงานเอกสารต่างๆ ซึ่งงานเอกสารเหล่านี้รวมถึงขั้นตอนต่างๆ ในการทำงานที่ทำให้พนักงานเกิดความรู้สึกยุ่งยากซับซ้อนด้วยครับ
ปัจจัยประการที่สองคือความซับซ้อนและหลากหลายครับ ซึ่งก็นำสู่ความแปลกใจเหมือนกันครับ แต่ผลการวิจัยพบว่าคนเราจะชอบงานที่มีความสลับซับซ้อน (แต่ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้) ซึ่งเดาว่าอาจจะเป็นเนื่องจากงานที่ซับซ้อนจะทำให้คนทำงานเกิดความท้าทายและไม่ทำให้เกิดความรู้สึกเบื่อต่องาน ดังนั้นนอกเหนือจากการเพิ่มความหลากหลายและความท้าทายเข้าไปที่งานแล้ว การมีความหลากหลายของเน้ืองานก็ทำให้ทำงานไม่น่าเบื่ออีกด้วย อ่านดูแล้วอาจจะง่ายนะครับที่ทำให้งานมีความซับซ้อนและหลากหลาย แต่ในทางปฏิบัตินั้นจะเห็นว่างานจำนวนมากที่ยังคงมีความน่าเบื่ออยู่
ปัจจัยประการที่สามคือความสัมพันธ์กับบุคคลทางบ้าน ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยนะครับว่าทำไมความสัมพันธ์หรือความสุขที่บ้านจะส่งผลต่อความพอใจในที่ทำงาน สิ่งที่เราพอจะทราบอยู่แล้วก็คือ มีการยืนยันอย่างชัดเจนว่าการมีปัญหาในที่ทำงานหรือการขาดความไม่พอใจในที่ทำงาน จะส่งผลกลับไปที่บ้านและครอบครัวด้วย อย่างไรก็ดีเริ่มมีงานวิจัยในอีกมุมมองหนึ่งโผล่ขึ้นมาครับ นั้นคือ การมีปัญหากับบุคคลในครอบครัวหรือที่บ้าน จะส่งผลต่อความพอใจในการทำงานด้วย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนะครับ เนื่องจากเมื่อเรามีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับครอบครัวแล้ว สมาธิและอารมณ์ในการทำงานของเราในที่ทำงานก็ย่อมลดน้อยลง
ปัจจัยประการที่สี่คือการผ่านพ้นช่วงของการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ หรือ Honeymoon period ช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์นั้น จะเป็นช่วงแรกๆ ของการทำงานที่ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเจ้านาย รวมถึงเพื่อนร่วมงานยังอยู่ในระยะหวานชื่น มีความสุขในการทำงานที่ดี จึงเปรียบเสมือนเป็นช่วงของการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ อย่างไรก็ดีเมื่อหมดช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์นั้น (ส่วนใหญ่หลังจากผ่านพ้นไปสามถึงหกเดือน) ความหวานชื่นและความสุขในการทำงานก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งทำให้ความสุขและความพอใจในการทำงานลดน้อยลง ดังนั้นยิ่งช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในช่วงแรกหวานชื่นเท่าไร เมื่อพ้นช่วงดังกล่าวมาแล้ว ความสุขก็จะลดลงอย่างมากครับ
ปัจจัยประการที่ห้าคือผลกระทบจากการเปลี่ยนงานหรือ Hangover Effect ครับ นั้นคือถ้าพนักงานออกมาจากสถานที่ทำงานเดิมด้วยความไม่พอใจ เมื่อเข้ามาทำงานในสถานที่ทำงานใหม่แล้ว ความสุขในการทำงานย่อมเพิ่มข้ึนเป็นธรรมดา แต่เมื่อผ่านพ้นช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์แล้ว ความสุขในการทำงานก็จะย่อมลดลงเป็นธรรมดาครับ
ปัจจัยทั้งห้าประการถือเป็นปัจจัยเพิ่มเติมสำหรับท่านผู้อ่านในการพิจารณาเรื่องของความพอใจในการทำงานของบุคลากรนะครับ แต่ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่าทั้งห้าปัจจัยข้างต้นไม่ได้ครอบคลุมปัจจัยทั้งหมด เพียงแต่ผมนำเสนอในอีกมุมมองหนึ่งว่านอกเหนือจากปัจจัยต่างๆ ที่เรารู้หรือคุ้นกันอยู่แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อความพอใจของพนักงานครับ
