14 August 2011

เราได้มีโอกาสพบเจอในหลายๆ องค์กรแล้วนะครับว่า เมื่อมีผู้นำคนใหม่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดขององค์กร บุคคลผู้นั้นย่อมก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งใหม่ด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่นท่ีเต็มที่ แต่ก็น่าสงสัยนะครับว่าเมื่อเวลาผ่านพ้นไประยะหนึ่งทำไมความตั้งใจและความมุ่งมั่นดังกล่าวถึงไม่สามารถออกมาเป็นรูปธรรมความสำเร็จได้ และก็เป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจเสมอมาครับ จนกระทั่งได้กลับไปอ่านบทความเก่าในวารสาร Harvard Business Review ฉบับเดือนตุลาคม 2004 ที่ชื่อ Seven Surprises for New CEO ก็เลยถึงได้เข้าใจครับว่าทำไมเมื่อซีอีโอใหม่ก้าวสู่ตำแหน่ง แล้วจึงไม่สามารถทำงานได้สำเร็จตามที่ได้ตั้งใจและสัญญาไว้ครับ ในเมื่อตนเองได้เป็นผู้นำสูงสุดขององค์กรแล้ว

ผู้บริหารส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเมื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กรแล้วตนเองได้บรรลุในจุดหมายสูงสุดของการบริหารแล้ว แต่สิ่งที่ผู้บริหารเหล่านั้นจะต้องเผชิญก็คืองานหรือหน้าที่ของการเป็นเบอร์หนึ่งในองค์กรนั้นแตกต่างและสลับซับซ้อนกว่าท่ีตนเองเข้าใจมาตลอดครับ

ผู้บริหารสูงสุดเหล่านี้จะเผชิญข้อจำกัดทั้งในด้านของเวลา ความรู้ และ ข้อมูล พวกเขาจะรู้สึกว่ามีสิ่งต่างๆ ที่จะต้องทำมากมาย ในขณะเดียวกันข้อมูลก็ไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจ และยังมีเวลาอย่างจำกัดกว่าที่คิดอีกด้วย และที่สำคัญคือถึงแม้คนที่ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งควรที่จะมีอำนาจมากกว่าผู้อื่น แต่ในข้อเท็จจริงนั้นกลับไม่สามารถใช้อำนาจได้ตามที่หวังหรือต้องการ

ผู้บริหารสูงสุดควรที่จะเป็นผู้ที่มีอำนาจหน้าที่สูงสุดในองค์กร ซึ่งสามารถที่จะสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาในเรื่องใด (ที่เกี่ยวกับงาน) หรือ สามารถที่จะปฏิเสธข้อเสนอใดๆ ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอมาและตนเองไม่เห็นด้วยก็ได้ แต่ในทางปฎิบัติแล้ว โดยเฉพาะสำหรับผู้บริหารสูงสุดหน้าใหม่นั้น จะพบว่าการจะสั่งการใดๆ ก็ตามต้องคิดแล้วคิดอีกโดยรอบคอบ เนื่องจากการสั่งการนั้นอาจจะนำไปสู่การต่อต้านได้ ในขณะเดียวกันถ้าปฏิเสธงานหรือโครงการของลูกน้องก็อาจจะทำให้ลูกน้องหมดแรงจูงใจลงได้เช่นกันครับ

ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งเราจะพบว่าการที่ผู้นำสูงสุดพยายามใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ อาจจะส่งผลในด้านกลับนะครับนั้นคือทำให้อำนาจที่ตนควรจะมี (ตามหน้าที่) นั้นลดลงไป และอาจจะส่งผลต่อขวัญ กำลังใจของบุคลากรในองค์กรได้ ดังนั้นสำหรับผู้บริหารสูงสุดที่เป็นหน้าใหม่ทุกท่าน จะต้องคิดและคิดอีกและระวังให้ดีนะครับว่า เมื่อต้องการที่จะใช้อำนาจที่มีอยู่ตามหน้าที่นั้น จะต้องเลือกใช้อย่างระมัดระวังและต้องคิดให้รอบคอบด้วย ผู้บริหารสูงสุดหน้าใหม่ทุกท่านย่อมที่จะต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีในยุคสมัยของตน แต่การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดผลนั้นจะต้องไปเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจและถ้าใช้อำนาจผิดกาละเทศะก็ส่งผลเสียได้

ลองนึกภาพเจ้านายใหม่เข้ามาก็ระงับข้อเสนอโครงการที่ลูกน้องทำขึ้นมาซิครับ ผลเสียสองประการที่นึกขึ้นได้อย่างรวดเร็วก็คือ ลูกน้องที่ถูกระงับโครงการนั้นก็จะเสียขวัญและกำลังใจ และถ้ามีทางเลือกอื่นก็อาจจะออกไปอยู่ที่อื่นได้ ในขณะเดียวกันก็เป็นการส่งสัญญาณไปยังลูกน้องคนอื่นๆ ให้นำโครงการที่ตนเองคิดหรือจะทำเข้ามาปรึกษากับเจ้านายเพราะเกรงว่าจะไม่โดนใจนายและถูกระงับกลางอากาศอีก ซึ่งสุดท้ายตัวนายก็ไม่ต้องทำอะไรนอกจากประชุมเรื่องของโครงการต่างๆ กับลูกน้องทั้งวัน

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่ขึ้นมาเป็นผู้บริหารสูงสุดใหม่ๆ ไม่ควรที่จะใช้อำนาจที่ตนเองมีหรือทำการตัดสินใจใดๆ นะครับ เพียงแต่อยากจะให้ระวังนิดหนึ่งว่าเมื่อขึ้นครองอำนาจสูงสุดแล้ว ไม่ใช่ว่าจะสามารถใช้อำนาจที่มีอยู่ได้ตามอำเภอใจนะครับ สำหรับผู้บริหารสูงสุดหน้าใหม่แล้วการจะใช้อำนาจใดๆ ก็ควรจะต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและคิดหน้าคิดหลังถึงผลดีผลเสียให้ดีๆ ครับ อำนาจที่มีอยู่นั้นไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ตามที่ตนเองต้องการนะครับ น่าคิดนะครับว่าบางครั้งการใช้อำนาจกลับทำให้เราเสียอำนาจไปด้วยซ้ำไป