
11 September 2011
ปัจจุบันเราจะพบเห็นสุภาพสตรีก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำองค์กรและหน่วยงานต่างๆ มากขึ้น หลายครั้งที่สุภาพสตรีมีความก้าวหน้าในวิชาชีพมากกว่าผู้ชายด้วยกัน ทำให้เกิดข้อสงสัยนะครับว่าสำหรับสุภาพสตรีในการทำงานนั้น มีปัจจัยบางประการที่มองไม่เห็นและทำให้เพศนี้เกิดความได้เปรียบในการสถานที่ทำงานเหนือกว่าผู้ชายอกสามศอกหรือเปล่า?
สัปดาห์นี้อยากจะคุยถึงหนังสือที่เพิ่งออกมาใหม่เล่มหนึ่ง ซึ่งถึงแม้จะเป็นหนังสือใหม่ แต่ก็สร้างความฮือฮาได้พอสมควรครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสตรีทั้งหลาย โดย Catherine Hakim ศาสตราจารย์จาก London School of Economics ได้เขียนหนังสือออกมาเล่มดังกล่าวออกมา โดยมุ่งประเด็นในแง่ที่ว่าผู้หญิงควรที่จะใช้ความสวยงาม ความน่าดึงดูด ความอ่อนหวาน นุ่มนวล การแต่งกายที่สวยงาม จนกระทั่งถึงความมีชีวิตชีวา เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในที่ทำงานเหนือกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับตัวต่อตัวกับผู้ชายแล้ว เมื่อปัจจัยอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน ความฉลาด การศึกษา หรือ เครือข่าย (เพื่อนฝูง) ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายเท่ากันแล้ว ผู้หญิงจะยังมีปัจจัยอื่นๆ ของความเป็นเพศหญิงซ่อนอยู่ ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้หญิงแต่ละคนว่าจะใช้ปัจจัยนั้นในการก้าวหน้าทางวิชาชีพหรือไม่
ปัจจัยที่ซ่อนอยู่นั้น ไม่ได้หมายถึงปัจจัยที่ไม่เหมาะสมนะครับ แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีเสน่ห์ มีความนุ่มนวล และมีความสามารถในการติดต่อ ประสานงาน และปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากกว่าเพศชายอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าผู้หญิงคนนั้นจะใช้ความเป็นผู้หญิงที่มีอยู่กับตัวมากน้อยเพียงใด Hakim ถึงขั้นตั้งชื่อเลยครับว่าเป็น Beauty Premium ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากเมื่อใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้ว จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในความก้าวหน้าทางอาชีพ มีงานวิจัยมายืนยันเหมือนกันครับว่าในสหรัฐนั้นนักกฎหมายสุภาพสตรีที่หน้าตาและบุคลิกภาพดีนั้นจะมีรายได้สูงกว่าสุภาพสตรีร่วมอาชีพที่หน้าตาและบุคลิกภาพสู้ไม่ได้ถึง 10-12%
ความฉลาด คุณลักษณะ และประสบการณ์ของพนักงานอาจจะส่งผลต่อความสำเร็จในองค์กร แต่โดยแท้ที่จริงแล้วรูปลักษณ์ภายนอกและเสน่ห์ที่มีก็ย่อมมีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ทางสังคมไม่ว่าจะเป็นการขอความร่วมมือจากหน่วยงานหรือบุคคลอื่น การดึงดูดความสนใจจากลูกค้า หรือ การขายสินค้า
สิ่งที่น่ากลัวที่ปรากฎในหนังสือของ Hakim (ชื่อ Erotic Capital: The Power of Attraction in the Boardroom and the Bedroom) นอกจากชื่อแล้วก็คือความคิดที่ว่าปัจจุบัน Financial Return of Attractiveness หรือผลตอบแทนจากความเสน่หานั้นเท่ากับ Returns of Qualification หรือผลตอบแทนจากความสามารถแล้ว และทำให้สุภาพสตรีจำนวนหนึ่งเริ่มมีความเชื่อว่าบุคลิกภาพ หน้าตา จะมีความสำคัญที่ไม่แพ้การศึกษา
ท่านผู้อ่านเห็นด้วยกับ Hakim หรือไม่ครับ? เราจะซื้อสินค้าจากพนักงานขายที่หน้าตาดีเท่านั้น หรือ เราจะเลือกเฉพาะนักการเมืองสตรีที่หน้าตาดีจริงหรือเปล่าครับ? หนังสือ Erotic Capital ออกมาก็มีทั้งผู้ที่สนับสนุนและเห็นด้วย (ถึงขั้นที่บอกว่าควรจะเป็นหนังสืออ่านสำหรับนักเรียนหญิงทุกคน) และกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีความเชื่อว่า Erotic Capital นั้นเหมาะกับสังคมและวัฒนธรรมบางแห่งเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถใช้ได้ในทุกประเทศ ผมว่าเรื่องของ Erotic Capital น้ันเป็นเรื่องที่สามารถจะอภิปรายและถกเถียงได้ในชั้นเรียนหรือในวงสัมมนาได้อย่างไม่รู้จบและสุดท้ายก็อาจจะหาคำตอบไม่ได้เนื่องจากมุมมองที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ดีประเด็นสำคัญคือต้องอย่าลืมคำนึงถึงวัฒนธรรมเราด้วยนะครับ
