19 January 2011

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้เขียนถึงวิธีการคิดที่แตกต่างและสวนกระแสของ Apple ซึ่งอาจจะถือได้ว่าเป็นสาเหตุที่สำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ Apple ประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ แต่มาในสัปดาห์นี้ขอเปลี่ยนอารมณ์บ้างนะครับ โดยลองมาคุยกันถึงอนาคตของ Apple กันบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ Steve Jobs ได้ขอยื่นลาป่วยอีกครั้ง ซึ่งสาเหตุของการลาป่วยนั้นก็เนื่องมาจากผลพวงจากที่ Jobs เคยเป็นมะเร็งและปัญหาเกี่ยวกับตับ ซึ่งการลาป่วยอีกครั้งของ Jobs ในครั้งนี้ก็เลยนำไปสู่คำถามที่คนในวงการถามกันเป็นอย่างมากว่าแล้วอนาคตของ Apple จะเป็นอย่างไรต่อไป

            ก่อนที่จะดูว่าอนาคตของ Apple จะเป็นอย่างไร ขอลองพาท่านผู้อ่านมาดูก่อนนะครับว่าปัจจุบัน Apple เป็นอย่างไร บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple นั้นย่อมมีทั้งชอบ รักและเกลียด หรือ หมั่นไส้นะครับ แต่ก็ไม่สามารถที่จะเถียงได้นะครับว่า Apple ถือเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดของโลกบริษัทหนึ่ง และนอกจากขนาดของความใหญ่ของบริษัทแล้ว Apple ยังเป็นบริษัทที่ถือเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของโลกอย่างแท้จริง สิ่งที่ Apple คิดค้นและนำออกมาขายนั้นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมที่เราเรียกว่าเป็น Consumer Electronics อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็น การใส่เรื่องของอารมณ์ ความสวยงาม ดีไซด์เข้าไปที่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล นอกจากนี้ Apple ยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจ Digital Music และเครื่องเล่น mp3 ในรูปแบบใหม่ อีกทั้งยังเป็นผู้ปฎิวัติ Smart Phone ที่จากการมีปุ่มเต็มไปหมดให้เหลือเป็นหน้าจอแบบสัมผัสและมีปุ่มเพียงแค่ปุ่มเดียว สุดท้าย Apple ยังปฏิวัติเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาระบบสัมผัส

            สาเหตุที่ทำให้ Apple สามารถปฏิวัติและสร้างปรากฎการณ์ให้กับวงการได้ก็เนื่องจากรูปแบบการคิดและการทำงานของ Apple ทั้งการคิดที่สวนกระแส (ดังที่ได้นำเสนอไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว) และการทำงานร่วมกันของทั้งทีมออกแบบ Hardware นักการตลาด และนักการจัดการ ที่สำคัญที่สุดที่อยู่เบื้องหลังและเบื้องหน้าความสำเร็จของ Apple ก็หนีไม่พ้น Steve Jobs ทำให้ปัจจุบันเมื่อเรานึกถึง Apple เราจะนึกถึงหน้าของ Steve Jobs โผล่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งก็นำมาสู่คำถามสำคัญครับว่า เมื่อ Steve Jobs ต้องมาป่วยและขอลาพักนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับ Apple บ้าง ซึ่งกรณีการป่วยและลาป่วยของ Jobs ในครั้งนี้ ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับบริษัทที่มีผู้บริหารสูงสุดที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของบริษัทเช่นกรณีของ Apple

            การลาป่วยของ Jobs ในครั้งนี้ต้องมองทั้งในระยะสั้นและระยะยาวนะครับ ในระยะสั้นนั้นต้องเรียนว่ายังไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไร เนื่องจาก COO ของ Apple อย่าง Tim Cook นั้นทำงานกับ Jobs มานาน เคยมีประสบการณ์ในการดูแลบริษัทมาก่อนช่วงที่ Jobs ลาป่วยครั้งที่แล้ว ในช่วงสั้นๆ นี้ (ภายในปีนี้และต้นปีหน้า) สินค้าต่างๆ ของ Apple ที่จะมีออกมานั้นก็ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ไม่ว่าจะเป็น iPad 2 ที่น่าจะออกมาเร็วๆ หรือ iPhone 5 ท่ีน่าจะออกมาประมาณกลางปีนี้ โดยคาดกันว่า iPhone ใหม่นั้น จะมีความแตกต่างจากรุ่นเก่าๆ อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังคาดกันว่าจะมีการออกทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ของ Mac รุ่นใหม่ทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบ Notebook ภายในปีนี้ อย่างไรก็ดีเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสินค้าใหม่ๆ ของ Apple ที่จะออกมาในปีนี้นั้น ได้ผ่านการออกแบบ การทดลอง และการทดสอบมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว ดังนั้น ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือสำหรับปีนี้และอาจจะต่อไปถึงต้นปีหน้านั้นต่อให้ใครมาดูแลบริษัทก็น่าจะสบายใจได้ครับว่าจะมีสินค้าเด็ดๆ ออกมาวางจำหน่ายเพื่อเรียกน้ำย่อยจากลูกค้าได้อีก

            อย่างไรก็ดีคำถามที่คนส่วนใหญ่น่าจะมีก็คือเมื่อระยะสั้น Apple ไม่น่ามีปัญหาแล้ว แต่ในระยะยาว Apple จะทำอย่างไร ต่อให้ Jobs แข็งแรงและหายจากอาการป่วยในครั้งนี้ แต่เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่ง Jobs อาจจะอยากจะใช้เวลากับครอบครัว หรือ งานสาธารณกุศลต่างๆ ให้มากขึ้น ดังนั้นในระยะยาวเมื่อสิ้นยุคของ Jobs แล้ว Apple จะทำอย่างไรและจะเป็นอย่างไร ตอนนี้มีกองทุนที่ถือหุ้นของ Apple เริ่มออกมาเรียกร้องให้ Apple เปิดเผย Success Plan ของตนเองออกมา แต่ทางกรรมการของบริษัทก็มองว่าการเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้กลับจะส่งผลเสียต่อบริษัทมากกว่าผลดี

            ปัญหาอีกประการหนึ่งที่คนส่วนใหญ่กังวลในกรณีของ Apple ก็คือถ้า Steve Jobs ลาออกไปแล้ว นอกเหนือจากตัวของ Steve Jobs แล้ว บรรดานักคิด นักสร้างสรรค์ต่างๆ ของ Apple ที่อยู่กับ Apple เพราะต้องการทำงานกับ Steve Jobs นั้นก็จะพลอยลาออกและไม่อยู่ไปด้วย ซึ่งผมมองว่าประเด็นตรงนี้จะน่ากลัวกว่าการสูญเสีย Steve Jobs เสียอีกครับ

            เรื่องอนาคตของ Apple นั้นยังเป็นประเด็นที่คงต้องถกเถียงและเฝ้าดูต่อไปนะครับ ไม่แน่ว่าสุดท้ายแล้วจะมีอัศวินขี่ม้าขาวแบบ Steve Jobs มาทดแทนและนำพาความสำเร็จสู่ Apple ต่อไปก็ได้