
1 April 2011
ช่วงนี้มีข่าวที่ไม่ค่อยดีเกิดขึ้นบ่อยครั้งนะครับ โดยเฉพาะจากภัยธรรมชาติต่างๆ ดังนั้นสัปดาห์นี้เลยอยากจะชวนท่านผู้อ่านมาสร้างรอยยิ้มกันเถอะครับ ในอดีตประเทศเราได้ชื่อว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม แต่ดูเหมือนว่าในปัจจุบันรอยยิ้มจะเริ่มจางหายลงไปเรื่อยๆ เลยอยากจะชวนท่านผู้อ่านมายิ้มกันเยอะๆ ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันเริ่มมีงานวิจัยจำนวนมากที่ชี้ให้เห็นถึงพลังของรอยยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นการยิ้มทำให้เราดูเป็นบุคคลที่มีความสามารถ หรือ ช่วยลดความเครียด หรือ ทำให้เรารู้สึกดีพอๆ กับรับทานช็อกโกแล็ต หรือ การทำให้เราอายุยืนขึ้น และมีความสุขขึ้น
มีบทความที่เขียนขึ้นโดย Ron Gutman ลงในเว็บของ Forbes ที่เขียนถึงผลการวิจัยที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของการยิ้ม โดยผู้เขียนคนนี้เขาพยายามเสาะแสวงหาพลังแห่งรอยยิ้มว่าการยิ้มนั้นมีประโยชน์อย่างไรบ้าง เขาก็เลยได้ไปศึกษาพวกงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรอยยิ้มครับ เริ่มจากการศึกษาภาพถ่ายของนักเรียนมัธยมในหนังสือรุ่นเก่าๆ และวัดรอยยิ้มของนักเรียนแต่ละคน ท่านผู้อ่านลองนึกถึงตัวท่านเองก็ได้นะครับว่าเวลาถ่ายรูปลงพวกหนังสือรุ่นนั้นจะยิ้มกันกว้างมากน้อยเพียงใด และลองคิดดูนะครับว่าความกว้างของรอยยิ้มนั้นจะส่งผลต่อความสำเร็จหรือความสุขของชีวิตแต่ละคนหรือไม่ จากนั้นจึงได้วัดความกว้างของรอยยิ้มในภาพถ่าย และมาดูว่าในปัจจุบันนั้นบุคคลผู้นั้นเป็นอย่างไร สิ่งที่พบนั้นถือว่าน่าสนใจครับ นั้นคือจะพบว่าความกว้างของรอยยิ้มนั้นจะสามารถพยากรณ์หรือทำนายถึงชีวิตในอนาคตได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความยืนยาวของชีวิตสมรส หรือ ความสุขที่มีเมื่ออายุมากขึ้น นั้นคือยิ่งรอยยิ้มกว้างเท่าไร ชีวิตสมรสก็จะยืนยาวมากขึ้นเท่านั้น รวมทั้งก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้นเมื่อสูงวัยขึ้น
จริงๆ แล้วก็ไม่แปลกนะครับ เพราะถ้าเราถ่ายรูปและเราสามารถยิ้มได้กว้างก็แสดงให้เห็นว่าเราเป็นคนที่มีความสุข มีทัศนคติที่ดี ดังนั้นสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นนิสัยที่ติดตัวเราไปเรื่อยๆ และทำให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับการสมรสและการดำรงชีวิตเมื่ออายุมากขึ้นได้ ยังมีการทดลองอีกประการหนึ่งที่พยายามหาความสัมพันธ์ระหว่างรอยยิ้มในภาพถ่ายกับอายุเฉลี่ยครับ โดยเขาศึกษาภาพถ่ายของนักกีฬาเบสบอลในการ์ดเบสบอล (Baseball Card) และพบถึงความแตกต่างระหว่างอายุเฉลี่ยของนักกีฬาที่ยิ้มกับไม่ย้อม โดยนักกีฬาที่ไม่ยิ้มเลย จะมีอายุโดยเฉลี่ย 72.9 ปี ส่วนนักกีฬาที่ยิ้มจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 79.9 ปี ซึ่งจากผลการวิจัยทั้งสองประการนั้นก็ทำให้ผมได้ข้อสรุปที่ชัดเจนนะครับว่า เวลาเราถ่ายรูปต้องพยายามยิ้มทุกครั้ง และพยายามยิ้มกว้างๆ เพราะจะทำให้ชีวิตสมรสเรายืนยาวขึ้น มีความสุขขึ้น และ อายุยืนขึ้น
ถ้าจะถามว่าเราเริ่มยิ้มกันตั้งแต่เมื่อใด ก็พบว่าจริงๆ แล้วมนุษย์เราเป็นสัตว์โลกที่โตมาพร้อมกับรอยยิ้มเลยครับ ท่านผู้อ่านทุกท่านจะเริ่มยิ้มครั้งแรกตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา (จากการอุลตราซาวน์) และเมื่อเราเกิดมาและลืมตาดูโลก เราก็จะยิ้มเรื่อยมาครับ แม้กระทั่งตอนหลับเราก็ยิ้ม (สังเกตได้จากเด็กๆ ทารกที่จะชอบยิ้มเวลาหลับ) ปัญหาคือเมื่อเราโตขึ้นนั้นเรากลับจะยิ้มน้อยลง ท่านผู้อ่านลองสังเกตตัวท่านเองนะครับว่าวันๆ หนึ่งท่านยิ้มอยู่ประมาณกี่ครั้ง พบว่าประมาณ 30% ของคนเราที่ยิ้งไม่ต่ำกว่า 20 ครั้งต่อวัน ซึ่งอาจจะดูมากแต่จริงๆ ไม่มากนะครับ เนื่องจากช่วงอายุที่เรายิ้มกันมากที่สุดนั้นคือช่วงเด็ก จะยิ้มประมาณ 400 ครั้งต่อวัน ก็เลยไม่แปลกใจนะครับว่าทำไมช่วงเด็กนั้นเรามีความสุขกันมาก แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วเรารู้สึกว่าความสุขนั้นลดน้อยลง ซึ่งสาเหตุสำคัญนั้นก็เนื่องมาจากการที่เรายิ้มกันน้อยลงนั้นเองครับ และข้อที่น่าสังเกตต่อก็คือถ้าเราอยู่ใกล้กับเด็กที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลา เราก็จะรู้สึกอยากจะยิ้มและมีความสุขไปด้วย แสดงให้เห็นว่าการย้ิมนั้นสามารถที่จะติดต่อกันได้ และถ้าเราเจอคนที่ยิ้มแล้วก็ย่อมอดไม่ได้ที่เราจะยิ้มตามครับ
มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้เครื่อง fMRI เพื่อตรวจสอบปฏิกริยาของเซลสมองเมื่อเรายิ้ม (เปรียบเทียบระหว่างพวกที่ยิ้มได้กับพวกที่ฉีกโบท็อกซ์แล้วอยากจะยิ้มแต่ยิ้มไม่ได้) แล้วจะพบว่าการยิ้มนั้นจะไปกระตุ้นเซลสมองในส่วนของอารมณ์และความสุขให้ทำงาน แสดงให้เห็นว่าการยิ้มทำให้เรามีความสุขมากขึ้น เราอาจจะเคยทราบว่าการกินช็อกโกแล็ตแล้วทำให้เรามีความสุข แต่การยิ้มก็ทำให้เราสุขได้ไม่แพ้กันครับ แถมอาจจะสุขได้มากกว่าและมีสุขภาพที่ดีกว่าด้วยครับ เนื่องจากมีงานวิจัยที่พบต่อไปอีกว่าการยิ้มเพียงแค่หนึ่งครั้ง จะกระตุ้นเซลสมอง (ในส่วนของการสร้างความสุข) เทียบเท่ากับการกินช็อกโกแล็ตถึง 2,000 ชิ้น!!! แสดงให้เห็นว่ายิ้มเพียงแค่หนึ่งครั้ง ทำให้เรามีความสุขเท่ากับกินช็อกโกแล็ตจำนวนมากอีกทั้งยังไม่ทำให้เราอ้วนและเสียสุขภาพอีกด้วยครับ นอกจากเปรียบเทียบความสุขจากการยิ้มกับการกินช็อกโกแล็ตแล้ว ยังสามารถเปรียบเทียบได้กับการได้เงินอีกด้วยครับ เนื่องจากมีงานวิจัยที่พบเช่นเดียวกันครับว่า การยิ้มหนึ่งครัั้ง ทำให้เรามีความสุขเทียบเท่ากับได้เงิน $25,000 ดังนั้นถ้าเรายิ้มวันละ 400 ครั้ง เราก็จะมีความสุขพอๆ กับมหาเศรษฐีของโลกเลยทีเดียว!!!
จะได้เห็นว่าประโยชน์ของการยิ้มนั้นมากมายจริงๆ ครับ นอกจากจะทำให้มีความสุขโดยไม่อ้วนแล้ว ยังมีการวิจัยที่พบความสัมพันธ์ระหว่างการยิ้มกับสุขภาพอีกด้วยครับ โดยการยิ้มจะทำให้โฮร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด อีกทั้งเพิ่มโฮร์โมนที่เกี่ยวกับความสุขและลดระดับความดันโลหิต ที่สำคัญคือการยิ้มบ่อยๆ ทำให้เราดูดีในสายตาของคนอื่นอีกด้วยครับ ท่านผู้อ่านลองนึกภาพคนสองคนที่ยิ้มกับอีกคนที่ทำหน้าเฉยๆ เราจะมองบุคคลสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างไร?? มีการค้นพบว่าการที่เรายิ้มนั้น จะทำให้เราดูน่าคบ อีกทั้งยังดูเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถอีกด้วย
ท่านผู้อ่านอย่าลืมยิ้มนะครับ มีประโยชน์มากมายจริงๆ ทั้งในเรื่องของ ความสุข สุขภาพ และภาพลักษณ์ที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน รอยยิ้มอาจจะเป็นสิ่งที่สามารถสร้างความสุขได้โดยไม่เสียเงินแม้แต่น้อย