
5 July 2010
ในระยะหลังเราพูดกันถึงเรื่องนวัตกรรมกันเยอะมากและนวัตกรรมได้กลายเป็นทางออกสำหรับหลายๆ องค์กรในการเติบโต อย่างไรก็ดีคำถามที่ยังค้างคาอยู่ในใจทั้งผู้บริหารและผู้ปฏิบัติแต่ละท่านก็คือ จะทำอย่างไรให้บุคลากรในองค์กรเกิดความคิดสร้างสรรค์และนำไปสู่นวัตกรรมได้? หลายครั้งเวลาเรานึกถึงความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมนั้น เรามักจะนึกถึงแต่สิ่งใหม่ๆ หรือ การคิดให้ได้ในสิ่งใหม่ๆ แต่จริงๆ แล้ววิธีการหนึ่งที่พบเห็นพวกสร้างสรรค์เก่งๆ เขาทำกันก็คือ แทนที่จะต้องสร้างสิ่งใหม่ๆ โดยเริ่มต้นจากศูนย์ การคิดสร้างสรรค์ในสิ่งใหม่ๆ นั้นอาจจะมาจากการเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่แล้วเข้าด้วยกันก็ได้ แทนที่เราจะต้องไปคิดแสวงหาแต่สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา เราสามารถที่จะเชื่อมโยงในสิ่งที่มีอยู่แล้วเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาได้
Steve Jobs ซีอีโอผู้โด่งดังของ Apple เคยกล่าวไว้ครับว่า ‘Creativity is just connecting things’ หรือ ความคิดสร้างสรรค์นั้นคือการเชื่อมสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ Jobs ยังมองเพิ่มเติมอีกด้วยครับว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นคือความสามารถในการเชื่อมโยงประสบการณ์และสิ่งต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน (Able to connect experiences and synthesize new things) ดังนั้นเมื่อเราคิดถึงการสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ๆ นั้น เราไม่จำเป็นต้องมองไกล เพียงแค่เราเริ่มต้นจากการเชื่อมโยงในสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่เข้าด้วยกันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วครับ
สำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมโดยความคิดอาศัยความคิดเชื่อมโยงนั้นสามารถทำได้ในหลายรูปแบบครับ ถ้าแบบง่ายๆ ก่อนก็คือการเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอุตสาหกรรมและธุรกิจอื่น ทั้งนี้เนื่องจากเรามักจะจำกัดการเรียนรู้ของเราให้อยู่แต่เฉพาะในอุตสาหกรรมที่องค์กรดำเนินการอยู่ ทำให้พลาดหรือเสียโอกาสในการเรียนรู้และนำประสบการณ์ ความสำเร็จจากอุตสาหกรรมอื่นมาปรับใช้กับองค์กร ผมได้พบเจอผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่ประสบความสำเร็จหลายท่านที่ปัจจุบันเวลาท่านไปดูงานหรือศึกษางานที่องค์กรอื่นนั้น จะไม่ได้ไปศึกษาในบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันแล้ว แต่ไปเรียนรู้และศึกษาจากอุตสาหกรรมอื่น นอกอุตสาหกรรมที่ท่านอยู่ เพื่อที่จะได้เรียนรู้และปรับเอาสิ่งต่างๆ จากอุตสาหกรรมอื่นมาปรับใช้ในองค์กรตนเอง เนื่องจากการเรียนรู้จากบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันนั้น สุดท้ายก็จะไม่ทำให้องค์กรของเราแตกต่างจากผู้อื่นแต่อย่างใด
นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะผสมผสานข้อดีหรือคุณลักษณะที่สำคัญระหว่างสองอุตสาหกรรมที่อาจจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกันเข้าไว้ด้วยกัน ตัวอย่างมีอยู่มากมายคัรบ เช่นโรงพยาบาลชั้นนำในปัจจุบันมักจะนำรูปแบบการบริการของห้างสรรพสินค้าและโรงแรมมาผสมผสานเข้ากับธุรกิจโรงพยาบาลของตนเอง หรือ โรงแรมบางแห่งในต่างประเทศที่นำความคิดเรื่องของการจัดห้องตาม Call Number ของห้องสมุดมาใช้ และยังจัดห้องพักตามประเภทของหนังสือ อีกทั้งการจัดให้มีหนังสือประเภทดังกล่าวอยู่ในห้องให้อ่าน หรือตัวอย่างของ Andre Rieu ศิลปินชื่อดังชาวดัตซ์ที่ผสมผสานการจัดคอนเสริตดนตรีแบบออเครสตร้า หรือ ดนตรีคลาสสิก เข้ากับดนตรีแบบป๊อบ ที่ผู้เล่น เพลง อุปกรณ์ การแต่งกายของนักดนตรี นั้นเป็นไปตามแบบดนตรีคลาสสิกทุกประการ แต่ผู้ชมนั้นมีอิสระในการฟัง โดยสามารถแต่งตัวตามสบาย (ไม่ต้องใส่สูทเหมือนกับการชมคอนเสริตประเภทนี้) สามารถลุกขึ้นมาโบกไม้โบกมือ สามารถลุกขึ้นมาเต้นรำ หรือ ร้องเพลงตามได้อย่างอิสระ ซึ่งความแตกต่างในการผสมผสานของ Andre Rieu นั้น ทำให้เขาเป็นศิลปินที่ทำเงินจากการจัดทัวร์คอนเสริตสูงเป็นอันดับ 6 ของโลกทีเดียว
ผู้ที่จะสามารถเชื่อมโยงและผสมผสานสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน ควรจะเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ที่หลากหลายที่ได้เห็น ได้ประสบกับสิ่งต่างๆ มามากพอสมควร การที่มีประสบการณ์ที่มากและหลากหลายนั้นถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญเลยครับ สำหรับการสร้างนวัตกรรมด้วยความคิดแบบเชื่อมโยง ยิ่งมีประสบการณ์หรือผ่านสิ่งต่างๆ มามากเท่าใด การได้เห็นสิ่งใหม่ๆ นั้นจะยิ่งง่ายในการกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และสามารถเชื่อมโยงเข้ากับสิ่งต่างๆ เคยเห็นหรือมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว นอกจากการมีประสบการณ์ที่หลากหลายแล้ว การที่บุคคลผู้นั้นได้มีความพยายามรวบรวมความคิดและประสบการณ์ที่หลากหลายเข้าเป็นหมวดหมู่ ก็จะยิ่งทำให้เกิดโอกาสที่ง่ายขึ้นเมื่อพบเจอสิ่งใหม่ๆ และสามารถเชื่อมโยงเข้ากับความรู้และประสบการณ์เดิมที่มีอยู่แล้ว
ดังนั้นท่านผู้บริหารองค์กรต่างๆ ที่อยากจะเห็นนวัตกรรมเกิดขึ้นนั้น จะต้องระลึกไว้นะครับว่าแนวทางหนึ่งในการกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมก็คือการทำให้บุคลากรของตนเองนั้นได้มีประสบการณ์ที่มากและหลากหลาย และประสบการณ์เหล่านั้นจะช่วยทำให้บุคลากรสามารถเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันได้ง่ายขึ้น เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับองค์กร