
9 June 2010
ถ้าพูดถึงอุตสาหกรรมที่เน้นและให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์นั้น อุตสาหกรรมหนึ่งที่หลายๆ ท่านอาจจะนึกถึงก็คืออุตสาหกรรมแฟชั่น และเมื่อนึกถึงเมืองหลวงหรือศูนย์กลางแฟชั่นโลกแล้ว เชื่อว่าท่านผู้อ่านก็คงนึกถึงเมืองๆ หนึ่งนั้นคือมิลาน ประเทศอิตาลีครับ ที่เมืองมิลานนั้น เขามีหน่วยงานหนึ่งชื่อ Camera Nazionale Della Moda Italiana หรือถ้าพอจะแปลเป็น ภาษาอังกฤษแบบ ง่ายๆ ก็คือ The National Chamber for Italian Fashion ซึ่งเป็นเสมือนหน่วยงานกลางในการส่งเสริมธุรกิจแฟชั่นของมิลาน อิตาลี บริษัทแฟชั่นดังๆ ของอิตาลีไม่ว่าจะเป็น Gucci, Prada, Ferragamo, Versace, Valentino, Fendi ฯลฯ ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้หอการค้าแห่งนี้ทั้งสิ้น
ผมเองได้มีโอกาสเดินทางไปยังหน่วยงานแห่งนี้และมีโอกาสรับฟัง รวมทั้งสัมภาษณ์ผู้บริหารของหน่วยงานนี้ถึงพัฒนาการและความสำเร็จของอุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อมโยงกับเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังเป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน เวลาท่านผู้อ่านนึกถึงแฟชั่นของอิตาลีนั้น ท่านผู้อ่านจะนึกถึงเรื่องของอะไร เชื่อว่าหลายๆ ท่านก็จะนึกถึงสองคำครับนั้นคือ Beautiful และ Well made ครับ โดยเป็นการผสมผสานทั้งในเชิงของความสวยงามของแฟชั่นที่ผ่านการออกแบบมาอย่างดี กับคุณภาพของสินค้าทั้งในเรื่องของวัตถุดิบและตัวสินค้าที่มีคุณภาพที่ดี
เมื่อถามถึงปัจจัยแห่งความสำเร็จของวงการแฟชั่นอิตาลีก็ทำให้พบเจอคำใหม่ครับ โดยเขาระบุว่าความสำเร็จในวงการแฟชั่นของอิตาลีนั้น นอกเหนือจากความเป็นผู้ประกอบการของชาวอิตาเลียนแล้ว ที่สำคัญคือการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์กับเทคโนโลยีครับ จนกระทั่งเขาเรียกว่า Technological Creativity ซึ่งก็ถือเป็นคำศัพท์ที่น่าสนใจนะครับ เนื่องจากเป็นการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์กับเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
เมื่อศึกษาลงไปในที่มาที่ไปของสองคำนี้สำหรับวงการแฟชั่นอิตาลีแล้วก็ยิ่งน่าสนใจใหญ่ครับ โดยความคิดสร้างสรรค์ของอิตาลีนั้น เขามีความเชื่อว่ามาจากทั้งวัฒนธรรมทั้งในอดีตและปัจจุบัน และประวัติศาสตร์ของประเทศเขา ชาวอิตาลีเขามองย้อนกลับไปในอดีตถึงสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ หรือที่เรารู้จักกันดีว่าสมัย Renaissance เลยครับ ว่าผลพวงจากยุคนั้น ทำให้ศิลปในด้านต่างของประเทศเฟื่องฟูขึ้น อิตาลีเป็นประเทศที่มีงานศิลปะทางด้านต่างๆ เต็มไปหมด ทั้งศิลปะสมัยเก่าหรือศิลปะสมัยใหม่ เพียงแค่การเดินออกไปนอกบ้านหรือนอกที่ทำงาน ก็สามารถชื่นชมต่อศิลปะต่างๆ ได้ และการที่ชาวอิตาลีถูกแวดล้อมไปด้วยศิลปะต่างๆ ก็ทำให้ชาวอิตาลีเกิดสิ่งที่เราเรียกว่า Art Appreciation ขึ้นมา และจากการชื่นชมศิลปะก็นำไปสู่สิ่งที่ชาวอิตาลีเขาเรียกว่า Taste of Beauty ครับ ซึ่งเจ้า Taste of Beauty ตัวนี้แหละครับคือปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ของเขา
นอกจากความคิดสร้างสรรค์แล้ว ปัจจัยแห่งความสำเร็จอีกประการของวงการแฟชั่นอิตาลีก็คือเรื่องของเทคโนโลยีครับ ซึ่งในอดีตเราอาจจะคิดว่าการผสมผสานระหว่างศิลปะกับเทคโนโลยีนั้นไม่น่าที่จะไปด้วยกันได้ แต่ดูเหมือนว่าอิตาลีเขากลับมองอีกมุมหนึ่งว่าทั้งสองอย่างนั้นควรจะต้องไปด้วยกัน สังเกตได้ตั้งแต่สมัยของยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการแล้วที่ศิลปินเอกอย่างเช่น Leonardo da Vinci ที่เป็นทั้งยอดนักวิทยาศาสตร์และศิลปินเอกของโลก โดยในส่วนของเทคโนโลยีที่เข้ามาผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์สำหรับวงการแฟชั่นนั้น ครอบคลุมทั้งเรื่องของความครบวงจรของอุตสาหกรรมแฟชั่น ที่ไม่ใช่เพียงเรื่องของการออกแบบเพียงอย่างเดียว แต่เริ่มตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ จนกระทั่งถึงกระบวนการผลิตที่มีความโดดเด่นและมีความเชื่อมโยงกันทั้งหมดทั้งประเทศ เรียกได้ว่าในด้านแฟชั่นและ Textile นั้น มีความครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำยันปลาย น้ำ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์สิ่งทอของอิตาลีนั้นมีคุณภาพ
นอกจากนี้อิตาลียังได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีในเชิงของการวิจัยเชิงประยุกต์เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาทั้งวัตถุดิบ และกระบวนการผลิตต่างๆ ให้มีความทันสมัยและก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา จริงอยู่นะครับที่เวลาเราเห็นแฟชั่นอิตาลี เราจะเห็นแต่ในเรื่องของการออกแบบ ความสวยงาม แต่ในขณะเดียวกันเบื้องหลังที่สำคัญคือเทคโนโลยีที่ใช้ในวัตถุดิบและกระบวนการผลิต ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ก็ถือว่าน่าสนใจนะครับว่าเราสามารถที่จะเรียนรู้เรื่องของความคิดสร้างสรรค์จากวงการแฟชั่นของอิตาลีได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของ Technological Creativity ที่เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีกับความคิดสร้างสรรค์เข้าด้วยกัน จนกระทั่งกลายเป็น อุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่นและยากที่ผู้อื่นจะเลียนแบบ