http://www.sas.com

10 March 2010

นิตยสาร Fortune จะมีการจัดอันดับบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุด หรือ ที่เรียกว่า The Best Company to Work For เป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้บริษัทในอเมริกาที่ได้รับเลือกเป็นบริษัทซอฟแวร์ยักษ์ใหญ่คือ SAS ครับ (มีการดำเนินงานในประเทศไทยด้วยครับ) จริงๆ แล้ว SAS นั้นได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดมาทุกปีที่เขามีการจัดอันดับกันครับ แต่ดูเหมือนว่าปีนี้จะเป็นปีแรกที่ได้รับเลือกให้อยู่ในอันดับที่ 1 ครับ ดังนั้นสัปดาห์นี้เราลองมาดูกรณีศึกษาของ SAS กันนะครับว่าเขามีวิธีการหรือแนวทางการบริหารอย่างไรให้ได้รับเลือกจากบรรดาพนักงานให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุด

            ก่อนอื่นหลายท่านอาจจะมีข้อสงสัยว่าพวกบริษัทที่ได้รับเลือกให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานเหล่านี้ ถ้าดูแลเอาใจใส่พนักงานอย่างดีแล้ว ผลการดำเนินงานทางด้านธุรกิจจะเป็นอย่างไรบ้าง ในกรณีของ SAS นั้น ถือว่าน่าสนใจและน่าศึกษาครับเพราะจนกระทั่งถึงปัจจุบัน SAS ยังเป็นบริษัทที่ เจ้าของและผู้ก่อตั้งคือ Jim Goodnight ยังถือหุ้นอยู่กว่าสองในสาม และไม่มีการขายหุ้นให้กับบุคคลทั่วไป ดังนั้น CEO ของ SAS จึงยังมีอำนาจตัดสินใจต่างๆ อย่างเต็มที่ และบุคลากรของ SAS เองก็ไม่ได้รับผลตอบแทนหรือกำไรต่างๆ เป็นหุ้นของบริษัทเหมือนบริษัททางฝั่ง Silicon Valley ทั่วๆ ไป ทีนี้เมื่อดูผลประกอบการแล้ว จะพบเกือบร้อยละ 80 ของบริษัทใน Fortune  500 ที่เป็นลูกค้าของ SAS และตั้งแต่บริษัทก่อตั้งมาเป็นเวลา 33 ปี รายได้ของบริษัทมีการเติบโตขึ้นทุกปี ไม่มีเว้น และในปี 2009 SAS มีรายได้อยู่ $2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งต้องถือว่ารายได้ของบริษัทนั้นเป็นการเพิ่มถึงสองเท่าในรอบ 7 ปี และที่น่าสนใจอีกก็คือรายได้ของ SAS นั้นถือว่ามาจาก หลายๆ ภูมิภาคทั่วโลกเลยครับ ไม่ได้มาจากเฉพาะในอเมริกาเพียงอย่างเดียว จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้นะครับว่า ถึงแม้ SAS จะได้รับเลือกให้เป็นบริษัทยอดนิยมใน ดวงใจอันดับหนึ่งของอเมริกา แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทก็ยังต้องถือว่าอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม ด้วยเช่นเดียวกันครับ

            คราวนี้มาดูกันต่อนะครับว่าเพราะอะไร SAS ถึงได้เป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุด จริงอยู่ที่ทาง SAS มีพวกร้านอาหาร สถานที่รักษาพยาบาล สถานที่ออกกำลังกาย อาหาร ของกิน ขนม และ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับพนักงานเหมือนบริษัทชั้นนำทั่วๆ ไป แต่ที่น่าสนใจคงไม่ใช้เพียงแค่การให้บริการทางด้านกายภาพเท่านั้นนะครับ แต่เป็นเรื่องของวัฒนธรรมองค์กรที่สะท้อนภาพถึงความเอาใจใส่และการให้ความสำคัญต่อพนักงาน จะมีคำพูดประโยคหนึ่งของ Jim Goodnight ซีอีโอของ SAS ที่ถือว่าติดหูคนจำนวนมากก็คือ “สินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุดของบริษัทขับรถออกจากบริษัททุกวัน หน้าที่ของผมคือทำอย่างไรให้มั่นใจได้ว่าคนเหล่านี้จะกลับมาทำงานในวันรุ่งขึ้น”

            ถ้าดูจากลักษณะของวัฒนธรรมองค์กรแล้วเราน่าจะคิดว่าบุคลิกภาพของซีอีโอท่านนี้น่าจะเป็นประเภทให้ความสำคัญกับคน ความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน แต่โดยแท้จริงแล้ว Jim Goodnight นั้นไม่ได้มีลักษณะดังกล่าวเลยครับ Goodnight จบปริญญาเอกทางด้านสถิติ เคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย และเป็นพวกที่ชื่นชอบตัวเลข ข้อมูลต่างๆ ดูจากบุคลิกภาพแล้วจะไม่มีใครบอกเลยนะครับว่า Goodnight เป็นพวกที่ให้ความสำคัญกับจิตใจหรือความรู้สึกของคน แต่เขาก็สามารถสร้าง วัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับบุคลากรได้ อาจจะมีนักวิจารณ์ที่บอกว่าทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้น ในพื้นที่มหาศาลของ SAS นั้น ไม่ว่าจะเป็นสถานรักษาพยาบาล สถานออกกำลังกาย สถานรับเลี้ยงเด็ก ร้านอาหาร ที่ล้างรถ ที่ซักผ้า ฯลฯ ล้วนแล้วแต่สร้างขึ้นมาเพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานเองจะสามารถทำงานให้กับบริษัทอย่างเต็มที่ โดยบริษัทจะจัดและตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานให้อย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้พนักงานเกิดความกังวลใจในความต้องการพื้นฐานส่วนตัว

            ในกรณีของสถานรักษาพยาบาลขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริษัทนั้นถือเป็นจุดเด่นของสิ่งที่ SAS ให้กับพนักงานเลยครับ สถานรักษาพยาบาลของบริษัทนั้นเปิดทุกวันตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงหกโมงเย็น มีบุคลากรทั้งหมด 56 คน ประกอบด้วยแพทย์สี่คน พยาบาล นักโภชนาการ เจ้าหน้าที่แล็ป หรือ แม้กระทั่งนักจิตวิทยา ค่ารักษาพยาบาลและตรวจรักษานั้นถือว่าฟรีหมดครับ ยกเว้นกรณีเดียวนั้นคือนัดหมายไว้แล้วไม่ได้มาแล้วไม่ได้แจ้งให้ทราบ ทางบริษัทก็จะปรับเงินเป็นจำนวน $10 สถานรักษาพยาบาลของบริษัทนั้นไม่ได้มีไว้ให้กับพนักงานเพียงอย่างเดียวนะครับ ครอบครัวของพนักงานก็สามารถมารักษาได้ โดยปีที่แล้วกว่าร้อยละ 90 ของบุคลากรของ SAS ต่างมารักษาที่ สถานรักษาพยาบาลแห่งนี้ SAS จัดสรรงบประมาณ $4.5 ล้านต่อปี แต่ Goodnight ก็ประมาณว่า บริษัทสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ปีละ $5 ล้านต่อปี

            สัปดาห์นี้ขอนำเสนอกรณีศึกษาของ SAS สั้นๆ ในอีกมุมหนึ่งนะครับ ถ้าท่านผู้อ่านสนใจ รายชื่อของบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดของอเมริกา ลองเข้าไปดูที่เว็บของ Fortune เพิ่มเติมได้นะครับ