
24 March 2010
มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมซื้อไว้หลายปีแล้วตั้งใจว่าจะอ่านหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ได้หยิบขึ้นมาอ่านจนกระทั่งไม่นานมานี้ หนังสือเล่มนี้ชื่อ The G Quotient ที่เขียนขึ้นมาโดย Kirk Snyder หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ผู้เขียนศึกษาผู้บริหารขององค์กรชั้นนำต่างๆ ในสหรัฐที่เป็นเกย์และสนใจศึกษาว่าทำไมผู้บริหารเหล่านี้ถึงเริ่มที่จะไต่เต้าและประสบความสำเร็จขึ้นมามากขึ้น ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่การศึกษาเรื่องของผู้บริหารโดยมองจากมุมมองอีกมุมมองหนึ่ง นั้นคือมุมมองของผู้ที่เป็นเกย์ และศึกษาว่าความเป็นเกย์ของผู้บริหารนั้นจะส่งเสริมต่อความสามารถในการเป็นผู้นำของเขาได้อย่างไร
อ่านหนังสือเล่มดังกล่าวจบก็พบครับว่าการที่ผู้บริหารเป็นเกย์นั้น ทำให้บุคคลผู้นั้นได้หล่อหลอมทัศนคติ วิธีคิด ทักษะ หรือ ความสามารถบางประการที่ผู้ชายแท้ๆ อาจจะไม่มี และทักษะ หรือ ความสามารถดังกล่าวก็กลับกลายมาเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับการเป็นผู้บริหาร ความสามารถดังกล่าวเริ่มต้นจากความสามารถในการปรับตัวของผู้ที่เป็นเกย์ครับ เนื่องจากบุคคลเหล่านี้รับรู้มาตั้งแต่รู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ว่าตนเองนั้นแตกต่างจากผู้อื่น และจากการรับรู้ถึงความแตกต่างนั้น ทำให้คนเหล่านี้เกิดความตระหนักในตนเองมากขึ้น และจะต้องคอยปรับทั้งคำพูดและการแสดงออกของตนเองให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้ผู้ปกครองหรือบุคคลรอบข้างเกิดความไม่พอใจ ซึ่งสุดท้ายแล้วผลที่เกิดขึ้นก็คือบุคคลเหล่านี้จะรับรู้ในสิ่งต่างๆ แตกต่างจากคนทั่วๆ ไป คนเหล่านี้จะมีความตระหนักในตนเอง ความต้องการของตนเอง รวมทั้งรู้จักวิธีการที่จะทำให้ตนเองสามารถอยู่รอดได้ในสังคม
นอกจากความสามารถในการตระหนักในตนเองและการปรับตนเองให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและสังคมแล้ว ทักษะที่สำคัญอีกประการได้แก่เรื่องของความสามารถในการสื่อสาร ทั้งนี้เนื่องจากบุคคลเหล่านี้มีความสามารถในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมและปัจจัยต่างๆ ที่อยู่รอบตัว เพื่อคอยสังเกตและดูปฏิกิริยาของบุคคลรอบข้าง ทำให้คนเหล่านี้สามารถที่จะตรวจสอบและรับรู้ต่อข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อวิเคราะห์ว่าข้อมูลไหนที่จะมีประโยชน์และเกี่ยวข้องหรือข้อมูลไหนที่ไม่มีประโยชน์หรือไม่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารประเภทนี้จะสามารถที่จะดูข้อมูลต่างๆ อย่างรวดเร็วและตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เช่น บุคคลเหล่านี้จะสามารถที่จะเพียงแค่พูดคุยและตัดสินใจได้เลยว่าควรจะรับหรือไม่รับพนักงานใหม่
ทักษะที่สำคัญประการสุดท้ายสำหรับผู้บริหารกลุ่มนี้ก็คือความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ ทั้งนี้เนื่องจากถ้าเป็นผู้ชายธรรมดาก็จะดำรงชีวิตในรูปแบบธรรมดา แบบที่เรารู้จักและคุ้นเคยกัน ตั้งแต่เรียนจบ ทำงาน แต่งงาน มีลูก มีหลาน ฯลฯ แต่สำหรับผู้ที่เป็นเกย์แล้ว ชีวิตของเขาไม่ได้เป็นไปตามรูปแบบการดำเนินชีวิตปกติของผู้ชายทั่วๆ ไป อาจจะมีปัญหาและอุปสรรค์ต่างๆ มากมาย ดังนั้นคนเหล่านี้จึงได้ถูกหล่อมหลอมและพัฒนาขึ้นมาให้มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ซึ่งผู้บริหารที่เป็นเกย์ก็ได้ยอมรับว่าได้นำเอาประสบการณ์และทักษะต่างๆ ที่ได้เรียนรู้มาจากชีวิตส่วนตัวและชีวิตจริง มาปรับใช้ในการตัดสินใจในบทบาทของผู้บริหารองค์กร
มีการวิจารณ์ว่าการก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารระดับสูงของผู้ชายที่เป็นเกย์กับผู้หญิงนั้นมีทั้งส่วนคล้ายและส่วนต่าง ความคล้ายนั้นคือในอดีตการยอมรับให้สุภาพสตรีก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำองค์กรนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับกันเท่าไร ถือว่าการที่ผู้หญิงเป็นผู้นำนั้น เป็นสิ่งที่แปลกและประหลาด เช่นเดียวกับการที่เกย์ขึ้นมาเป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั้นก็เป็นสิ่งที่ในอดีตยังไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับกันเท่าไร แต่ปัจจุบันดูเหมือนจะเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปถึงความสามารถในการเป็นผู้นำและการเป็นผู้บริหารของทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เป็นเกย์ ส่วนความแตกต่างนั้นก็คือผู้หญิงนั้นยังเป็นที่ยอมรับมากกว่าเนื่องจากความแตกต่างของเพศเป็นเรื่องปกติ แต่ในอดีตผู้ชายที่เป็นเกย์จะได้รับการยอมรับให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารได้ยากกว่า
การยอมรับต่อผู้บริหารระดับสูงที่เป็นเกย์ในประเทศไทยนั้นอาจจะยังไม่เป็นที่แพร่หลายหรือเปิดเผยเท่าต่างประเทศ แต่ในบางอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับด้านศิลปะและต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ก็ดูเหมือนกลายเป็นเรื่องปกติที่ผู้บริหารระดับสูงเป็นเกย์ อย่างไรก็ดีสิ่งที่น่าศึกษาจากบุคคลเหล่านี้คือพวกเขามีทักษะ ทัศนคติ หรือ ความสามารถบางอย่างที่แตกต่างจากผู้ชายทั่วๆ ไปและเป็นสิ่งที่ทุกๆ คนควรที่จะเรียนรู้และสามารถนำมาปรับใช้ในการบริหารได้ ในสัปดาห์หน้าเราจะมาดูคุณลักษณะเจ็ดประการที่สำคัญที่ผู้เขียนหนังสือ The G Quotient เขาระบุออกมานะครับว่า เป็น G Quotient เผื่อเราจะได้นำมาปรับใช้ในการบริหารกันได้บ้างครับ