
23 February 2010
ช่วงที่ผ่านมากระแสความตื่นตัวเรื่องของนวัตกรรมมาแรง ก็มีความพยายามในการค้นหาและจัดอันดับสุดยอดบริษัทนวัตกรรมกันมาเรื่อยๆ ที่เมืองไทยเองปีนี้ก็เป็นที่สามที่ทางคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ ได้ค้นหาสุดยอดบริษัทนวัตกรรมของไทย โดยเมื่อปีที่แล้ว บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกประกอบด้วยเครือซิเมนต์ไทย ทรูมูฟ และ ซีพีเอฟ ซึ่งก็ถือว่าสมราคาครับ ทีนี้มาดูในระดับโลกกันบ้างนะครับว่าบริษัทไหนที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสุดยอดทางด้านนวัตกรรม
ก่อนที่จะอ่านต่อไป ท่านผู้อ่านลองเดาดูนะครับว่ามีบริษัทไหนบ้างที่น่าจะเป็นสุดยอดทางด้านนวัตกรรมของโลก? เชื่อว่าท่านผู้อ่านส่วนใหญ่ก็คงนึกถึงบรรดาบริษัทที่มีการวิจัยทางด้านงานวิจัยและพัฒนากันเยอะแยะ แต่ความจริงนั้นไม่ใช่เลยนะครับ ทางนิตยสาร Fast Company ซึ่งเป็นนิตยสารทางด้านธุรกิจรุ่นใหม่ชั้นนำแห่งหนึ่งได้จัดอันดับสุดยอดทางด้านนวัตกรรมขึ้นมา ผลปรากฎว่าในปีนี้อันดับหนึ่งถึงสิบ ได้แก่ 1) Facebook 2) Amazon 3) Apple 4) Google 5) Huawei 6) First Solar 7) PG&E 8) Novartis 9) Walmart 10) HP
เราลองไล่จากอันดับที่ 10 ขึ้นไปนะครับ อันดับที่ 10 คือ HP ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในการพลิกฟื้นและปรับเปลี่ยนตนเองภายใต้ CEO Mark Hurd ทำให้ปัจจุบัน HP กลายมาเป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจผลิตและขายคอมพิวเตอร์ แซงหน้าคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างเช่น Dell นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา HP ยังเข้าไปซื้อ 3Com และ EDS ทำให้ HP มีการดำเนินงานอยู่ในหลายธุรกิจไม่ได้จำกัดตนเองอยู่ในธุรกิจคอมพิวเตอร์เท่านั้น สำหรับอันดับ 9 นั้นคือ Walmart ยักษ์ใหญ่ในวงการค้าปลีกที่ทุกๆ ท่านคงคุ้นเคยดี ผู้ประกอบการค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นได้มุ่งเน้นในกลยุทธ์ใหม่คือเรื่องของ Green อย่างเต็มที่ โดยมีแผนที่จะจัดลำดับหรือตั้งค่าในเรื่องของ Sustainability หรือ ความยั่งยืนของสินค้าทุกๆ ตัวที่ Walmart ขาย จนในปัจจุบัน Walmart ถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการ ค้าปลีกสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อันดับที่แปดคือ Novartis ซึ่งเป็นบริษัทขายยายักษ์ใหญ่ของสวิส โดยในปีที่ผ่านมา Novartis ได้มุ่งเน้นงานวิจัยและพัฒนาของตนเองไปที่ยาสำหรับการรักษาโรคที่รักษาได้ยากทั้งหลาย รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจ Biotech ซีอีโอของบริษัทมีความเชื่อว่าในการคิดค้นหรือผลิตยาซักยี่ห้อหนึ่งนั้น เขาไม่ได้ดูที่ผลตอบแทนหรือกำไรที่จะได้รับเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญกับยาที่จะทำให้ชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น ไม่ว่าจะคุ้มหรือไม่คุ้ม อันดับที่เจ็ดคือ PG&E ครับ ถือเป็นบริษัทที่อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูพวกเรากันเท่าไร แต่เป็นผู้นำในธุรกิจสาธารณูปโภคครับ มีทั้งโรงไฟฟ้าพลังน้ำ พลังนิวเคลียร์ และจากก๊าซธรรมชาติ ประชากรร้อยละ 5 ของสหรัฐต้องใช้บริการของ PG&E แต่เป็นบริษัทที่ปล่อยของเสียออกมาเพียงแค่ร้อยละ 1 ของปริมาณของเสียทั้งหมดของทั้ง อุตสาหกรรม และปัจจุบันบริษัทยังมุ่งสู่แหล่งพลังงานแห่งใหม่นั้นคืออวกาศครับ โดยเริ่มคิดที่จะ ติดตั้งแผง Solar หรือแผงที่รับพลังงานแสงอาทิตย์บนดาวเทียมจากนั้นจะส่งพลังงานที่ได้กลับมาที่โลก ในต้นทุนที่ถูกและไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย
อันดับที่ 6 เป็นบริษัทชื่อ First Solar ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์หรือ Solar Panel และที่สำคัญคือเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นในเรื่องของการลดต้นทุนสำหรับการผลิตพลังงาน จากแสงอาทิตย์ โดยมีเป้าหมายที่จะลดต้นทุนของพลังงานจากแสงอาทิตย์ให้ต่ำที่สุดจนกระทั่งสามารถแข่งขันกับพลังงานแบบดั้งเดิมได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทนี้ก็ถือเป็นบริษัทที่สามารถนำเสนอแผงรับพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่มีต้นทุนที่ถูกที่สุดในโลกครับ อันดับที่ 5 คือ Huawei ที่ชาวไทยหลายๆ ท่านคุ้นเคยในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากเมืองจีน รวมทั้งเป็นผู้นำในอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมอีกด้วย โดยปัจจุบัน Huawei ถือเป็นยักษ์อันดับสองของโลกในธุรกิจอุปกรณ์ทางด้านสื่อสารโทรคมนาคม นอกจากข้อได้เปรียบในแง่ของต้นทุนที่ต่ำเหมือนกับบริษัทจากจีนทั่วๆ ไปแล้ว Huawei ยังมีจุดแข็งในแง่ของคุณภาพของสินค้า และนวัตกรรมอีกด้วย Huawei เป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลนอร์เวย์ให้สร้างเครือข่าย 4G ซึ่งถือเป็นประเทศแรกๆ ของโลก
อันดับที่ 4 คือ Google ซึ่งก็คงไม่ต้องอธิบายหรือแนะนำอะไรมากนะครับ โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมาที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมามากมายไม่ว่าจะเป็น ระบบปฏิบัติการ Android, โทรศัพท์ Nexus One หรือ Wave อันดับที่ 3 คือ Apple ซึ่งก็คงไม่ต้องแนะนำมากเช่นเดียวกันนะครับ นวัตกรรมที่สำคัญของ Apple กลับไม่ใช่ iPhone แต่เป็น App Store ซึ่งทำเงินให้กับ Apple อย่างมากมายมหาศาล รวมทั้งในปีที่ผ่านมาก็เริ่มให้เช่าหนังดูผ่านทาง itunes ได้อีกด้วย
อันดับที่ 2 คือ Amazon ซึ่งปีที่ผ่านมาไม่ได้เติบโตผ่านทางการขายของหรือขายหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่ Kindle กลับสร้างปรากฎการณ์ในโลกการอ่านหนังสือผ่านจออิเลกทรอนิกส์ จนขายดีเป็นอันดับหนึ่งและเปิดตลาด E-book reader ขึ้นมาใหม่ สำหรับอันดับ 1 ก็ได้แก่ Facebook ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยนวัตกรรมสำคัญของ Facebook อยู่ที่การพัฒนาและปรับปรุงหน้าเพจ ของตนเองอยู่ตลอดเวลาและการมีบริการใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งทำให้ปัจจุบันสมาชิกของ Facebook มีมากกว่าประชากรในเกือบทุกประเทศทั่วโลก และคนส่วนใหญ่จะใช้เวลาใน Facebook มากขึ้นเรื่อยๆา