4 July 2010

ฟุตบอลโลกก็ใกล้ถึงบทอวสานขึ้นมาทุกขณะนะครับ ขณะเดียวกันก็พบว่าเทศกาลฟุตบอลโลกในปัจจุบันไม่ได้เป็นกิจกรรมสำหรับคอฟุตบอลเท่านั้น หลายๆ คนที่ปกติไม่ได้ติดตามกีฬาใดๆ เลยก็หันมาดู มาอ่านข่าวเกี่ยวกับฟุตบอลโลกมากขึ้น นัยว่าเพื่อไม่ให้ตกข่าวและสามารถสนทนากับผู้อื่นได้อย่างรู้เรื่อง ดูฟุตบอลโลกหนนี้สำหรับผมแตกต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะไม่รู้ว่าทำไมพอดูแต่ละนัด แต่ละครั้ง ก็จะหาเรื่องโยงเหตุการณ์และสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการแข่งขันครั้งนี้กลับเข้ามาสู่การบริหารจัดการอย่างช่วยไม่ได้ ดังนั้นสัปดาห์นี้เลยอยากจะมาแบ่งปันสิ่งที่อยู่ในจิตใจกับท่านผู้อ่านครับว่า จากบทเรียนหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลกครั้งนี้ จะสามารถนำมาใช้ในการบริหารองค์กรได้อย่างไร

            เริ่มจากบทเรียนที่แสดงให้เห็นเลยนะครับว่าความสำเร็จในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งที่รับประกันต่อความสำเร็จในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะอดีตสองคู่ชิงแชมป์เมื่อสี่ปีที่แล้วที่ตกรอบแรกไปอย่างพลิกความคาดหมาย และในขณะเดียวกันพัฒนาการของฟุตบอลของเอเชียและแอฟริกาที่แสดงให้เห็นในการแข่งขันครั้งนี้ก็ทำให้ได้เห็นอีกตัวอย่างว่าเราไม่สามารถที่จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ หรือหยุดพัฒนาตัวเราเองได้ เพราะจะมีคู่แข่งอื่นๆ ที่เขาพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันทีมฟุตบอลก็เหมือนกับองค์กรที่ต้องคอยหมั่นถามตัวเองตลอดเวลาครับว่า ‘Are we still doing the right thing?’ หรือสิ่งที่เราทำอยู่นั้นยังเหมาะสมหรือไม่? ทั้งนี้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยแวดล้อมภายนอกต่างๆ จะทำให้สิ่งต่างๆ ที่เคยทำหรือเคยใช้มาในอดีตอาจจะไม่เหมาะสมต่อสภาวการณ์ในปัจจุบัน เช่นทีมฟุตบอลบางประเทศที่มีสไตล์หรือรูปแบบการเล่นแบบเดิมมาเป็นสิบๆ ปี (ทำอะไรไม่ได้ก็โยนยาวแล้ววิ่งไล่) แต่พอปัจจัยต่างๆ เปลี่ยนไปก็ทำให้สไตล์หรือรูปแบบการเล่นเดิมๆ ไม่เหมาะสมแล้วก็ได้

            นอกจากนี้การแข่งขันกีฬาไม่ว่ากีฬาใดๆ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและความสัมพันธ์ระหว่างคำสองคำนั้นคือ “การวางแผน” กับ “การปฏิบัติตามแผน” จะเห็นได้นะครับว่าบางทีมมีโค๊ชที่เก่งกาจ มีประวัติอันทรงเกียรติมายาวนาน มีแผนการเล่นที่ดี และตัวนักเตะเองกลับไม่สามารถเล่นได้ตามแผนที่วางไว้ ก็ถือเป็นการเสียโอกาส ในขณะเดียวกันบางทีมที่มีนักเตะที่ถือว่าเก่งกาจเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่กลับมาโค๊ชที่ขาดประสบการณ์ และไม่มีแผนการเล่นที่ดีก็ล้มเหลวได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการบริหารองค์กรหรือการเล่นกีฬาใดๆ ก็ตาม ทั้งการวางแผน และการปฏิบัติตามแผน จึงถือเป็นสองปัจจัยที่สำคัญและจะต้องสัมพันธ์กันอีกด้วยครับ

            ลองลงมาดูที่ตัวนักกีฬากันบ้างนะครับ คุณสมบัติประการหนึ่งที่ทั้งองค์กรที่ต้องการความสำเร็จในยุคปัจจุบัน กับ นักฟุตบอลระดับโลกจะต้องมีนั้นก็คือความยืดหยุ่นและคล่องตัว หรือ Agility ครับ สำหรับนักฟุตบอลนั้น ความคล่องตัวถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญในการเล่นทีเดียว จะสังเกตนักฟุตบอลระดับโลกส่วนใหญ่นั้นจะมีความคล่องตัวสูง สามารถเลี้ยงลูกไปด้วยความเร็วสูงและหยุดได้ในทันที หรือ เปลี่ยนทิศทางได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องหยุด ซึ่งองค์กรทั่วไปก็ต้องการความคล่องตัวเช่นกัน เนื่องจากในปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็ว องค์กรก็ต้องสามารถที่จะปรับเปลี่ยนทิศทาง และการดำเนินงานขององค์กรได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน

            มีประเด็นที่น่าคิดและน่าสนใจอยู่ประเด็นหนึ่งนะครับ ที่อาจจะยังหาคำตอบไม่ได้ นั้นคือระหว่างทีมฟุตบอลที่เล่นอย่างมีประสิทธิภาพ มีวินัยสูง มีความเร็ว มีความอึด และอาจจะมีความคิดสร้างสรรค์บ้าง อย่างเช่นทีมชาติเยอรมัน กับทีมที่ประกอบไปด้วยศิลปินลูกหนัง ที่มีความสามารถเฉพาะตัวเป็นเลิศ มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ในการเล่นฟุตบอลอย่างเช่นบราซิลและอาเจนตินา นั้น เมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรสองประเภทที่มีลักษณะใกล้เคียงกันคือองค์กรที่มีวินัย มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ทุกคนทำงานร่วมกันเป็นทีม อาจจะมีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ บ้างแต่ไม่ใช่จุดเด่น กับองค์กรที่เต็มไปด้วยนักคิด นักสร้างสรรค์ แต่อาจจะไม่ได้เด่นในเรื่องของประสิทธิภาพและการทำงานร่วมกันเป็นทีมนั้น รูปแบบใดจะดีกว่ากัน?? ถ้าในกีฬาฟุตบอลนั้นตัวอย่างก็เห็นชัดเจนแล้วนะครับ เพียงแต่สิ่งที่น่าคิดทีมที่มีประสิทธิภาพสูงจะประสบความสำเร็จเหนือทีมที่มีจิตนาการสูงเสมอไปหรือไม่? อีกทั้งยังสามารถนำบทเรียนนี้มาใช้กับการบริหารองค์กรได้หรือไม่?? หรือว่าการบริหารองค์กรที่ดีจะต้องสร้างความสมดุลระหว่างการสร้างสรรค์กับประสิทธิภาพ??

            สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นทีมฟุตบอลหรือองค์กร สิ่งที่เหมือนกันก็คือเมื่อมีโอกาสเกิดขึ้นแล้ว จะต้องฉกฉวยโอกาสที่เกิดขึ้นให้เป็นประโยชน์ให้ได้ อีกทั้งสิ่งที่ทั้งทีมฟุตบอลและองค์กรควรจะต้องมีเหมือนกันเพื่อให้มีโอกาสในการประสบความสำเร็จมากกว่าคู่แข่งหรือผู้อื่น ก็คือโอกาสและโชคครับ อย่างไรก็ดีการที่โชคจะเข้าข้างทีมแต่ละทีมได้นั้นก็ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมและประสบการณ์ด้วยนะครับ เหมือนที่นักกอล์ฟชื่อดังชาวอัฟริกาใต้ อย่าง Gary Player กล่าวไว้ว่า ‘The more I practice, the luckier I get’ หรือยิ่งซ้อมมากเท่าไร ก็ยิ่งโชคดีมากขึ้นเท่านั้น