9 May 2010

เขาว่ากันว่าสถานการณ์สร้างผู้นำ ก็ไม่ทราบว่าคำกล่าวนั้นจะใช้ได้กับสถานการณ์บ้านเมืองเราในขณะนี้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือสถานการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาในปัจจุบันทำให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของภาวะผู้นำมากขึ้น มีกรณีศึกษาเรื่องภาวะผู้นำที่ผู้ที่สนใจศึกษา สามารถที่จะเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องเลยครับ เราจะเริ่มพบทั้งในระดับประเทศและองค์กรธุรกิจต่างๆ นะครับว่าลักษณะของผู้นำสำหรับการบริหารในยุคหน้านั้นไม่น่าจะเหมือนกับลักษณะของผู้นำในอดีต ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคนในรุ่นใหม่ (Gen Y) ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทที่สำคัญต่อการทำงานในองค์กรมากขึ้น หรือ พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสน เทศและเครือข่ายทางสังคมต่างๆ ที่ทำให้ผู้นำในยุคใหม่จะต้องต่างจากผู้นำในอดีต

            ในอดีตนั้นเราอาจจะนึกภาพของผู้นำที่คอยชี้นิ้วหรือคอยสั่งให้คนอื่นทำโน่นทำนี้ แต่จากการเปลี่ยนแปลงของตัวบุคลากร ลักษณะการทำงาน และตัวองค์กรเอง ผู้นำในลักษณะของการชี้นิ้วก็จะหายไปทุกที ในขณะเดียวกันบุคลากรรุ่นใหม่ก็อาจจะไม่มีความอดทนที่จะรอเป็นสิบๆ ปีกว่าจะก้าวขึ้นตามสายการบังคับบัญชาและแสดงออกซึ่งความสามารถและศักยพภาพของตนเอง ดังนั้นผู้นำในยุคหน้า คงจะต้องแตกต่างจากผู้นำในยุคปัจจุบัน แต่จะแตกต่างอย่างไรนั้น เราลองมาดูคุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำในยุคหน้าที่ผมรวบรวมมาจากหลายๆ แหล่งดูนะครับ

            คุณสมบัติประการแรกก็คือผู้นำจะต้องเป็นผู้รับใช้ (Serving) เป็นไปได้ว่าผู้นำขององค์กรธุรกิจในอนาคตนั้นไม่ได้ทำงานเพื่อผู้ถือหุ้นอีกต่อไปครับ แต่เป็นการทำงานให้กับพนักงานและลูกค้าเป็นหลัก เหมือนกับที่ Paul Polman CEO ของ Unilever เคยกล่าวไว้ครับว่า “I don’t work for the shareholder. I work for consumers and my customers.” ความรู้สึกของการเป็นผู้รับใช้นั้นควรจะถูกปลูกฝังไปทั่วทั้งองค์กร พนักงานเองก็จะมีความสุขมากขึ้นถ้ารู้สึกว่าตนเองได้รับใช้ลูกค้าและทำให้ลูกค้ามีความสุขและได้รับในสิ่งที่ต้องการ ในขณะเดียวกันผู้บริหารทุกระดับก็ต้องทำหน้าที่ในการรับใช้พนักงานในระดับต่างๆ เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้บรรลุตามเป้าหมายที่ต้องการ

            คุณสมบัติประการที่สองคือ ผู้นำจะต้องทำหน้าที่ทำให้ทุกคนในองค์กรทำงานไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน (Aligning) ซึ่งการทำให้ทุกคนในองค์กรทำงานและมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกันนั้นอาจจะฟังดูง่ายแต่ไม่ง่ายนะครับ ผู้นำอาจจะพูดและต้องการอย่างหนึ่ง แต่ถ้าบุคลากรไม่ตอบสนองหรือทำงานไปในทิศทางเดียวกันแล้ว ผู้นำดังกล่าวก็จะดีแต่พูดอย่างเดียว แต่ไม่สามารถสั่งการใดๆ ได้ (คุ้นๆ นะครับ) ความยากก็คือบุคลากรในองค์กรจะมีความหลากหลายและความแตกต่างในความคิดและวิธีคิดมากขึ้น ทำให้อาจจะมีเป้าหมายสูงสุดหรือเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกัน และเมื่อเป้าหมายเหล่านั้นไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของผู้นำหรือเป้าหมายขององค์กร ความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันก็ยากที่จะเกิดขึ้นได้

            คุณสมบัติประการที่สามคือการมอบหมายงาน (Empowering) ซึ่งถึงแม้จะเป็นแนวคิดเก่า แต่จากบุคลากรรุ่นใหม่ ที่มีความต้องการที่จะทำงานที่ท้าทายและมีคุณค่ามากขึ้น ประกอบกับความสลับซับซ้อนของสภาวะแวดล้อมการทำงานในปัจจุบัน ทำให้ผู้นำไม่สามารถที่จะรวบอำนาจต่างๆ มาไว้กับตัวเอง หรือ ทำงานคนเดียวในลักษณะที่คิดว่าตนเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลได้อีกต่อไป อย่างไรก็ดีการมอบหมายงานนั้น ควรจะต้องมาควบคู่กับระบบที่ทำให้มั่นใจว่างานที่มอบหมายไปนั้นประสบความสำเร็จตามที่มอบหมายด้วย

            คุณสมบัติประการที่สี่คือการประสานงานหรือร่วมมือ (Collaborating) ครับ เนื่องจากปัญหาและความท้าทายต่างๆ ที่องค์กรเผชิญในปัจจุบันนั้นสลับซับซ้อนเกินกว่าที่องค์กรเพียงหน่วยงานเดียวจะสามารถจัดการได้ ดังนั้นความสามารถในการประสานความร่วมมือกับบุคคลหรือหน่วยงานอื่นนั้นจึงกลายเป็นคุณสมบัติอีกประการที่สำคัญสำหรับผู้บริหาร การประสานนั้นครอบคลุมตั้งแต่การประสานภายในองค์กร กับลูกค้า กับคู่แข่ง หรือ กับสังคมทั่วไป

            คุณสมบัติประการที่ห้าคือการตัดสินใจ (Decision) ซึ่งอาจจะมีข้อถกเถียงว่าผู้นำต้องทำหน้าที่ตัดสินใจอยู่แล้ว แต่เราจะพบว่าผู้นำหลายท่านที่หลีกเลี่ยงหรือไม่ยอมตัดสินใจ หรือ อาจจะตัดสินใจ แต่เป็นการตัดสินใจที่ผิดเวลา ไม่ทันกาล โดยแทนที่จะตัดสินใจเมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจ กลับรอจนได้ข้อมุลครบก่อนจึงตัดสินใจ ผู้นำในยุคใหม่อาจจะต้องมีความกล้าเสี่ยง และพร้อมจะยอมรับต่อความผิดพลาดจากการตัดสินใจที่เกิดขึ้น โดยมุ่งเน้นที่การตัดสินใจเมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจแทน

            คุณสมบัติประการที่หกคือการบริหารคน (People Management) ซึ่งก็เป็นเสมือนตัวรวมของห้าข้อ ข้างต้น แต่ผมมองว่าการบริหารคนนั้นมีปัจจัยและความซับซ้อนอื่นๆ ที่มากกว่าเพียงแค่ห้าประการข้างต้น เนื่องจากความสำเร็จของผู้นำนั้น สาเหตุสำคัญคือมาจากบุคลากรต่างๆ ทั้งภายในองค์กร ภายในนอกองค์กร ดังนั้นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุคคือการบริหารคนเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่เราจะพบว่าทุกคนมีความแตกต่างและความหลากหลายในความคิดมากขึ้น ทำให้การบริหารคนที่มีความแตกต่าง ความหลากหลายทางความคิดนั้นเป็นไปได้ยาก