
11 January 2010
เปิดปีใหม่มาได้เกือบสองสัปดาห์แล้วท่านมีอาการเครียดบ้างหรือยังครับ? ไม่ว่าจะเครียดกับสถานการณ์บ้านเมือง เครียดกับราคาน้ำมันที่ดูจะสูงขึ้น เครียดกับการทำงาน เครียดกับการเรียน หรือ เครียดกับชีวิตส่วนตัวของท่าน ดูเหมือนว่าชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเมืองหลวงจะหนีความเครียดไม่ค่อยพ้นนะครับ ขึ้นอยู่ว่าแต่ละคนจะเครียดบ่อย หรือ มากน้อยต่างกัน รวมทั้งจะมีแนวทางในการบริหารจัดการกับความเครียดได้อย่างไรบ้าง อย่างไรก็ดีสำหรับบางคนแล้ว ความเครียดในระดับที่เหมาะสมก็กลับกลายเป็นตัวกระตุ้นให้ท่านทำงานได้ดีขึ้น เรียกว่าเป็นพวกที่ทำงานได้ดีภายใต้ความกดดันและความเครียด ทางการแพทย์นั้นเขาถือว่าเรื่องของความเครียดก็เป็นสาเหตุของโรคหลายๆ ประการไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคกระเพาะ โรคความดัน หรือ โรคหัวใจ แถมในบางประเทศที่คนเขาเครียดกันมาก ก็มักจะนำไปสู่การฆ่าตัวตายหรือ กระทำบางสิ่งบางอย่างที่ขาดการยั้งคิด ดังนั้นผมว่าเราน่าจะมาศึกษาและทำความเข้าใจกันถึงสาเหตุของความเครียดและแนวทางในการบริหารจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้น
มีงานวิจัยเยอะพอสมควรที่พยายามหาสาเหตุของความเครียดและงานวิจัยชิ้นหนึ่งของต่างประเทศที่มีการสอบถามกันในวงกว้างได้ระบุที่มาของความเครียดเรียงตามลำดับไว้ดังนี้ครับ อันดับแรกก็คือมาจากเรื่องของการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินไม่พอ หรือ การที่จะต้องซื้อของชิ้นใหญ่ๆ หรือ สำคัญในชีวิต หรือ การที่รายได้หดหาย หรือ การมีหนี้สินมากเกินไป หรือ แม้กระทั่งเครียดเรื่องการเก็บออมสำหรับวัยชรา ซึ่งเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากก็เผชิญกับความเครียดในลักษณะนี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน หรือ ค่าโทลเวย์ที่สูงขึ้น หรือ ภาระรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับรายได้ แต่ไม่ทราบเหมือนกันนะครับว่ามีวิจัยหรือเปล่าว่าถ้าพวกที่มีเงินเยอะเกินไป เขาจะเครียดกันบ้างไหมหนอ?
รองจากเรื่องของการเงินปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดประการต่อมาก็คือเรื่องเกี่ยวกับงานครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหางานทำ หรือ หน้าที่ความรับผิดชอบที่เปลี่ยนไป หรือ ภาระงานต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาจนทำงานไม่ทัน หรือ ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาอยู่นั้นก็จะเป็นความเครียดเกี่ยวกับเรื่องเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคะแนน การเรียน หรือ ต้องนำเสนองาน หรือ การสอบต่างๆ เป็นต้น สาเหตุสำคัญประการต่อมาต่อความเครียดก็เป็นเรื่องของครอบครัวครับ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งภายในครอบครัว หรือ พ่อแม่แยกทางกัน หรือ แม้กระทั่งเมื่อลูกแต่งงาน พ่อแม่ก็เครียด หรือ สุขภาพของบุคคลในครอบครัว รวมถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในครอบครัวก็นำสู่ความเครียดได้เช่นกันครับ
สำหรับสาเหตุที่เหลือที่นำไปสู่ความเครียดก็จะเป็นพวกปัจจัยส่วนบุคคลแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความกังวลที่แต่ละคนมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเครียดนั้นมักจะเกิดขึ้นเมื่อเราไม่สามารถที่จะควบคุมต่อเหตุการณ์หรือสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ยิ่งเราไม่สามารถควบคุมต่อสถานการณ์หรือเหตุการณ์ต่างๆ มากเท่าใด โอกาสที่จะเกิดความเครียดก็มากขึ้นเท่านั้น
สังเกตไหมครับว่าบางครั้งเราเองก็เกิดความเครียดขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ร่างกายเราก็จะส่งสัญญาณบางอย่างที่จะแสดงให้เห็นว่าเราเกิดความเครียด บางคนอาจจะปวดหัว บางคนอาจจะปวดท้อง บางคนเหงื่อไหลออกมามาก หรือ มือเท้าเย็น หรือ ในหลายๆ รายที่เริ่มเครียดก็มักจะส่งผลต่อการนอนหลับ เช่นอาจจะนอนไม่หลับ หรือ ตื่นก่อนเวลา หรือ ตื่นมาช่วงตอนกลางคืน
ทีนี้เมื่อเรามีความเครียดเกิดขึ้น เราจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการตอบสนองต่อความเครียดที่เกิดขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วเราก็มักจะหนีไม่พ้นอาการสองลักษณะครับนั้นคือ Fight or Flight หรือ ถ้าแปลเป็นไทย ก็คือ สู้หรือหนี สำหรับผู้ที่สู้กับความเครียดนั้นก็จะหาหนทางในการบริหารจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้น หรือ แม้กระทั่งยอมให้ความเครียดนั้นเป็นตัวขับดันพลังงานหรือแรงฮึดที่เกิดขึ้นในร่างกายเรา ซึ่งปกติอาจจะไม่มีถ้าไม่เครียด แต่ถ้าเป็นพวกที่หนีนั้นก็จะพยายามจะหลีกเลี่ยงจากความเครียดที่เกิดขึ้น โดยหนีจากเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดไปเลย
มีผู้เชี่ยวชาญที่แนะนำวิธีการในการจัดการหรือระงับหรือผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีการหลายๆ วิธีนะครับ ที่พบบ่อยที่สุดก็คือการสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ หรือ การพยายามเพ่งความสนใจไปที่เหตุการณ์หรือปัจจัยอื่นที่ไม่ก่อให้เกิดความเครียด เช่น บางคนจะเครียดเพราะกำลังจะสอบหรือนำเสนองาน ก็จะหันไปดูหนังหรืออ่านหนังสือเพื่อคลายเครียดแทน หรือ ที่นิยมในช่วงหลังๆ ก็คือการนำหลักการคำสอนของพระพุทธศาสนามาใช้จัดการกับความเครียด แต่จริงๆ แล้วถ้ามองอีกมุมหนึ่งเราสามารถที่จะบริหารความเครียดได้ถ้าเราสามารถบริหารจัดการที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความเครียด บางครั้งการวางแผนหรือการเตรียมพร้อมที่ดีก็จะช่วยลดสถานการณ์ที่นำไปสู่ความเครียดได้เช่นกันครับ
ก่อนจบมีข่าวประชาสัมพันธ์สำหรับผู้ที่กำลังเครียดกับการหาที่เรียนต่อนะครับ ทางหลักสูตรการจัดการมหาบัณฑิต (Master of Management) สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ ของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ กำลังเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจเรียนต่อในระดับปริญญาโทอยู่นะ ครับ โดยเป็นการเรียนในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ และเป็นหลักสูตรนานาชาติ ผู้ที่สนใจก็ลองโทร.มาสอบถามได้ที่ 02-218-5912 หรือ http://mmchula.acc.chula.ac.th นะครับ