21 December 2009

สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของปีแล้วนะครับ ผมเองก็อยากจะฝากความคิดเห็นของตนเองสำหรับท่านผู้อ่านเป็นข้อคิดสำหรับปี พ.ศ. 2553 ที่กำลังจะมาถึง นั้นคือในเรื่องของการบริหารด้วย ความรักครับ โดยความรักนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความรักระหว่างหนุ่มสาวเท่านั้น แต่อยากจะฝากให้ใช้ความรักในการคิดและบริหารงานสำหรับปีหน้าที่จะมาถึง โดยปกติทุกคนก็จะมีความรักกันอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าจำนวนมากเลยที่เป็นความรักที่มีต่อตนเองหรือบุคคลรอบข้าง แต่อยากจะให้ลองมองอีกมุมหนึ่งครับ โดยเฉพาะสำหรับท่านผู้บริหารทั้งหลายไม่ว่าระดับชาติหรือระดับองค์กร นั้นคือเราสามารถนำความรักมาใช้ในการบริหารงานได้อย่างไร

            ถ้าลองนึกเปรียบเทียบดูง่ายๆ นะครับ ท่านที่เป็นผู้นำครอบครัว ก็จะมีความรักต่อครอบครัวของท่านอย่างล้นเหลือ และทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่างที่ท่านทำให้กับครอบครัวนั้นก็เนื่องมาจากความรัก ทีนี้ถ้าเรามองไปในภาพใหญ่ว่าสำหรับผู้นำหน่วยงาน องค์กร และประเทศชาตินั้น ถ้าท่านมีความรักต่อผู้ถือหุ้น ต่อลูกค้า ต่อบุคลากรในองค์กร และต่อตัวองค์กรเอง สิ่งที่ท่านจะทำไปนั้นก็เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับสิ่งที่ดีขึ้น ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีขึ้น และบุคลากรภายในองค์กรได้รับสิ่งที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการทำงานร่วมกับบุคคลอื่นในองค์กรแล้ว ถ้าเราสามารถทำงานโดยมีทัศนคติต่อผู้อื่นด้วยความรักนั้น ก็จะเหมือนที่เรารักบุคคลในครอบครัวของเรานั้นแหละครับ นั้นคือเมื่อทำงานด้วยกันด้วยความรักแล้ว ก็จะพยายามเข้าใจผู้อื่น ยอมรับในความแตกต่างของผู้อื่น ยอมที่จะให้อภัยผู้อื่น ยอมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้บุคคลที่เรารักมีความสุข ฯลฯ

            อ่านดูแล้วอย่าเพิ่งรู้สึกคลื่นไส้นะครับ แต่การที่จะบริหารและทำงานกับผู้อื่นให้ประสบผลและอย่างมีความสุขนั้น เราอาจจะต้องอาศัยความรักเข้ามาช่วยจริงๆ ครับ ลองนึกดูว่าท่านมีลูกน้องที่เป็นตัวปัญหา ชอบเรียกร้องโน่นเรียกร้องนี้ตลอดเวลา ไม่เคยพอใจในสิ่งที่มีอยู่หรือได้รับ และมีลักษณะที่เห็นแก่ตัวตลอดเวลา ถ้าท่านไม่ได้ทำงานด้วยความรักแล้ว ท่านก็อาจจะตัดหางปล่อยวัดลูกน้องคนนี้ไป ทั้งๆ ที่เป็นผู้ที่มีความสามารถ แต่ถ้าท่านพยายามทำงานด้วยความรู้สึกที่มีความรักต่อเพื่อนร่วมงานแล้ว ความพยายามและผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นก็จะแตกต่างกันครับ ขอให้นึกถึงลูกๆ หลานๆ ท่านซิครับ ท่านอาจจะมีลูกหลานที่มีลักษณะนิสัยส่วนตัวคล้ายกับลูกน้องคนดังกล่าว แต่เนื่องด้วยความรัก สิ่งที่ท่านพยายามทำก็คือพยายามเข้าใจถึงความแตกต่าง พยายามที่จะสั่งสอน อบรม ยอมให้อภัย และ มีความอดทนต่อลูกหลานของท่าน ดังนั้น เมื่อท่านทำงานด้วยความรักแล้ว ท่านก็จะปฏิบัติในลักษณะเดียวกับที่ท่านปฏิบัติต่อลูกหลานของท่าน ปฏิบัติต่อลูกน้องของท่าน ซึ่งก็ย่อมที่จะดีกว่าการตัดหางปล่อยวัด และปล่อยให้ทรัพยากรที่มีค่าหลุดไปจากองค์กร

            ในระดับประเทศก็เหมือนกันครับ บรรดานักการเมืองต่างๆ ที่ทำงานและเคลื่อนไหวทางการเมืองในปัจจุบันนั้น นอกเหนือว่าจะถามว่า “คุณเป็นคนไทยหรือเปล่า?” แล้ว ยังน่าจะถามต่อนะครับว่า “คุณรักประเทศไทยหรือเปล่า?” เพราะถ้าสามารถบริหารและทำงานทางการเมืองด้วยความรักประเทศเป็นพื้นฐานแล้ว กิจกรรมและการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่ไม่ส่งผลดีต่อประเทศนั้นก็ไม่ควรที่จะเกิดขึ้น

            สิ่งที่ควรจะระวังก็คือการบริหารด้วยความรักนั้น ควรจะเป็นการบริหารด้วยความรักต่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตัวนะครับ บางท่านอาจจะบอกว่าขณะนี้กำลังบริหารด้วยความรัก แต่เป็นความรักต่อตนเอง หรือ ต่อพวกพ้องมากกว่าความรักต่อส่วนรวม เช่น ผู้บริหารองค์กรธุรกิจอาจจะรักต่อผู้ถือหุ้นเป็นพิเศษ จนลืมต่อบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือ นักการเมืองอาจจะรักต่อพรรคพวกหรือพันธมิตรทางการเมืองของตนเอง โดยไม่ได้ให้น้ำหนักเท่ากับความรักประเทศชาติ จริงๆ แล้วการรักต่อตนเองและพวกพ้องก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะครับ เพียงแต่ควรจะรักต่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตัวเท่านั้นเองครับ (เขียนง่ายแต่ทำยากนะ)

            สำหรับผู้บริหารองค์กรธุรกิจนั้น ลองมองในมุมใหม่สำหรับปีหน้าดูนะครับ ว่าแทนที่จะเอากำไรหรือผลตอบแทนเป็นตัวตั้ง ลองเอาความรักเป็นตัวตั้งต้น และดูว่าเมื่อเริ่มต้นด้วยความรักแล้วผลกำไรจะตามมาทีหลังหรือไม่ ความรักในที่นี้ไม่ว่าจะเป็นความรักต่อสินค้าหรือบริการที่ตนเองทำ ซึ่งจะทำให้การทำงานต่างๆ เป็นไปอย่างทุ่มเทและเต็มที่ ความรักต่อลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน ซึ่งจะทำให้บุคคลรอบๆ ตัวได้รับในสิ่งที่ดีและพร้อมที่จะทำงานเพื่อองค์กรอย่างเต็มที่ หรือ ความรักต่อลูกค้า ผู้ใช้สินค้าบริการขององค์กร ซึ่งจะทำให้องค์กรพยายามนำเสนอสินค้าบริการที่ดีที่สุดสำหรับบุคคลที่เรารัก

            สุดท้าย บรรดาเพลงรักทั้งหลายก็มักจะบอกว่ารักคือการให้ ผู้บริหารคือผู้ที่ให้นะครับ ผู้บริหารไม่ใช่ผู้ที่เอาแต่รับ เอาแต่ได้อย่างเดียว การที่ผู้บริหารมีความรัก มีการให้ จะทำให้เกิดความภักดี ทำให้คนดีๆ อยากจะทำงานอยู่กับเรานานๆ และการที่ผู้บริหารมีความรักและมีการให้ก็จะทำให้จิตใจของผู้บริหารเองมีความสุขและความสงบจากการให้ครับ ความสุขที่แท้จริงนั้นน่าจะมาจากการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับนะครับ

            ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุขตลอดปีใหม่ที่จะถึงนี้นะครับ และอย่าลืมที่จะส่งต่อความรักไปยังบุคคลรอบๆ ตัวทุกท่านนะครับ