
5 February 2009
ผมเชื่อว่าทุกคนคงอยากจะประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งสิ้นนะครับ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จในหน้าที่การงาน ในชีวิตครอบครัว ในกีฬาที่เล่น ในสิ่งที่ทำ ฯลฯ แต่คำถามสำคัญก็คือ ทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จ หรือ อะไรคือปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำเร็จเหนือผู้อื่น ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่บรรดานักวิชาการสนใจและศึกษากันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อถกเถียงที่ว่าการที่คนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จในด้านใดก็ตามเหนือกว่าผู้อื่นนั้นเกิดขึ้นเนื่องจากสิ่งใด? เกิดจากพันธุกรรม เกิดจากพื้นฐานครอบครัวที่ดี เกิดจากประสบการณ์ เกิดจากความโชคดีโดยคาดไม่ถึง ฯลฯ
ในช่วงที่ผ่านมามีหนังสือขายดีอยู่เล่มหนึ่งชื่อ Outliers: The Story of Success ที่เขียนโดย Malcolm Gladwell นักเขียนชื่อดังที่ดูเหมือนว่าจะเขียนหนังสือเล่มไหนก็ขายดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Tipping Point หรือ Blink ที่ได้มีการแปลมาเป็นภาษาไทยแล้วทั้งสองเล่ม โดยแนวการเขียนของ Gladwell นั้นจะเน้นการอธิบายปรากฎการณ์รอบๆ ตัวเราที่เรามักจะละเลย และมีการศึกษาจากกรณีศึกษาและตัวอย่างต่างๆ เพื่อเรียบเรียงมาเป็นแนวคิดต่างๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งหนังสือ Outliers ของ Gladwell ก็มีลักษณะเช่นเดียวกันนะครับ นั้นคือศึกษาปรากฎการณ์และตัวอย่างต่างๆ เพื่อสรุปเป็น แนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้คนบางคนประสบความสำเร็จเหนือกว่าผู้อื่น ซึ่งในสัปดาห์ นี้ผมจะขอมาสรุปประเด็นสำคัญๆ สำหรับท่านผู้อ่านกันนะครับ
ท่านผู้อ่านคิดว่าการที่คนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จได้เหนือกว่าผู้อื่นนั้น อะไรคือปัจจัยที่สำคัญกว่ากันครับระหว่างพรสวรรค์ กับ พรแสวง? เรื่องนี้เป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันมาไม่รู้จบ และได้มีการทดลองกับทั้งนักกีฬาและนักดนตรี โดยมีการแบ่งกลุ่มทดสอบโดยแบ่งตามพรสวรรค์ แบ่งตามชั่วโมงการฝึกซ้อม และผลการทดสอบที่ปรากฎออกมาก็คือผู้ที่จะประสบความสำเร็จเหนือกว่าผู้อื่นได้นั้นจะต้องทำงานมากกว่า หนักกว่า ฝึกซ้อมมากกว่าผู้อื่น โดยเฉพาะบรรดานักดนตรีระดับโลกนั้น ก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จในระดับโลกได้นั้นเขาจะต้องฝึกซ้อมมากกว่าผู้อื่นเป็นจำนวนหลายเท่า และจำนวนชั่วโมงในการฝึกซ้อมนั้นต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นชั่วโมงครับ
หนึ่งหมื่นชั่วโมงของการฝึกฝนนั้นดูเหมือนจะเป็นจำนวนมากมายมหาศาลเลยนะครับ ท่านผู้อ่านลองคิดดูง่ายๆ ว่าถ้าท่านเล่นกีฬา หรือ เล่นดนตรี โดยฝึกซ้อมวันละสองชั่วโมงทุกวัน ท่านจะต้องใช้เวลากี่ปีเพื่อให้ได้ครบหนึ่งหมื่นชั่วโมงครับ? หนึ่งปีท่านก็จะฝึกซ้อม 730 ชั่วโมง ดังนั้นเพื่อให้ได้ 10,000 ชั่วโมง ท่านจะต้องฝึกซ้อมวันละสองชั่วโมงทุกวันเป็นเวลาติดต่อกันกว่า 14 ปีครับ! ผมแค่นึกภาพที่จะให้ลูกผมซ้อมดนตรีวันละสองชั่วโมงเป็นเวลา 14 ปีติดต่อกันทุกวันก็แทบจะนึกไม่ออกแล้วครับ
ดังนั้นจะสังเกตได้เลยครับว่าพวกที่ประสบความสำเร็จเหนือผู้อื่นนั้น จะต้องได้มีโอกาสฝึกฝน ฝึกซ้อมมาตั้งแต่เยาว์วัยครับ และการที่จะมีเวลาฝึกซ้อมให้ได้ 10,000 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำนั้น ผู้ปกครองเองก็ต้องทุ่มเทและเอาใจใส่อย่างมากครับ และถ้าผู้ปกครองยังต้องวิ่งวุ่นกับการหาเลี้ยง ชีพอยู่ เวลาสำหรับการเอาใจใส่บุตรหลานในการซ้อมเพื่อให้ได้ 10,000 ชั่วโมงนั้นก็ดูเหมือนจะยากครับ
ในหนังสือOutliers นั้นนอกเหนือจากจะยกผลการทดลองกับพวกบรรดานักกีฬาหรือนัก ดนตรีที่ต้องมีชั่วโมงฝึกซ้อมไม่ต่ำกว่า 10,000 ชั่วโมงแล้ว ผู้เขียนยังศึกษากรณีความสำเร็จของวงดนตรี The Beatles’ และ Bill Gates ด้วยครับ และพบว่ากรณีของ The Beatles’ นั้นสมัยที่ยังไม่รุ่ง เรือง พวกเขาได้ไปเล่นดนตรีอยู่ที่เยอรมัน และจากบทสัมภาษณ์ของพวกเขาทำให้ทราบว่าพวกเขา ต้องเล่นดนตรีวันละ 8 ชั่วโมงสัปดาห์ละ 7 วัน และเมื่อคำณวนจำนวนชั่วโมงที่พวกต้องเล่นดนตรี สดๆ ต่อหน้าผู้ชมแล้ว พวกเขาผ่านประสบการณ์มากว่าพันครั้ง
กรณีของ Bill Gates ก็เช่นเดียวกันครับ เมื่ออ่านประวัติของเขาแล้ว จะพบว่า Gates เองได้มีโอกาสในการสะสมประสบการณ์ในการเขียนโปรแกรมมาเป็นจำนวนมากในช่วงมัธยม ปลายก่อนที่ Gates จะตัดสินใจออกจาก Harvard ในปีที่สองของการศึกษา เพื่อมาตั้ง Microsoft ดังนั้นกรณีของ Gates นั้นเรามักจะรู้กันว่าอยู่ดีๆ เขาก็เลิกเรียนหนังสือเพื่อมาตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ ยักษ์ใหญ่ของโลก แต่เรามักจะไม่ทราบกันว่าก่อนหน้านั้นในช่วงสมัยมัธยม Gates ได้มีโอกาสฝึก ฝนและเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์มามากเพียงใด
นอกเหนือจากประสบการณ์ การฝึกซ้อมที่มากมายมหาศาลแล้ว บางครั้งความสำเร็จก็ยังขึ้นอยู่กับปีที่เกิดด้วยครับ เมื่อดูสถิติในอดีตแล้ว จะพบว่าพวกที่ประสบความสำเร็จใดด้านต่างๆ จะขึ้นอยู่กับปีที่เกิดด้วย บางครั้งถ้าเกิดช้าไปหรือเกิดเร็วไป โอกาสในการประสบความสำเร็จก็จะลดน้อยลงไปด้วย ทั้งนี้เนื่องจากในบางช่วงบางปีจะมีโอกาสบางประการที่เกิดขึ้นมากกว่าช่วงอื่นๆ Gladwell ได้ลองรวบรวมสถิติของคนที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติขึ้นมาจำนวน 75 คน และสิ่งที่พบคือในจำนวนนั้นมีชาวอเมริกันอยู่ 14 คนที่เกิดในช่วง 9 ปี ระหว่าง ค.ศ. 1931 – 1940 หรือ ถ้าร่วมสมัยหน่อยก็ลองดูปีเกิดของพวกผู้ยิ่งใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ดูนะครับ Bill Gates เกิดปี 1955 ส่วน Paul Allen อีกหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Microsoft เกิดปี 1953 ผู้บริหารสูงสุดของ Microsoft ในปัจจุบัน Steve Ballmer เกิดปี 1956 ส่วน Steve Jobs เกิดปี 1955 ส่วน Eric Schimidt ผู้บริหารสูงสุดของ Google เกิดปี 1955 และ Scott McNealy ผู้บริหารสูงสุดของ Sun Microsystems เกิดปี 1954
สำหรับเรื่องปีเกิดนั้นคงจะไม่ใช่เรื่องของไสยศาสตร์หรอกนะครับ เพียงแต่พวกที่เกิดในช่วงดังกล่าวจะเติบโตมาพร้อมกับโอกาสบางประการที่คนเกิดในช่วงปีอื่นๆ อาจจะไม่ประสบ และประกอบกับการฝึกฝนและประสบการณ์ที่มากกว่าผู้อื่นก็ย่อมทำให้คนเหล่านี้ประสบความสำเร็จเหนือกว่าผู้อื่นได้ครับ
ก่อนจากกันขอฝากประชาสัมพันธ์หนังสือชื่อนวัตกรรมเพื่อการแข่งขันที่ยั่งยืนที่รวบรวมข้อเขียนเกี่ยวกับนวัตกรรมของคณาจารย์ภาควิชาพาณิชยศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ ไว้นะครับ ถ้าสนใจลองหาดูได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ครับ