
2 มิถุนายน 2008
ปัจจุบันถ้าเอ่ยชื่อ Steve Jobs ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสูงสุดของ Apple ก็เชื่อว่าคงไม่มีท่านผู้อ่านท่านไหนที่ไม่รู้จักนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีหลังๆ ที่เขาสามารถสร้างปรากฎการณ์ให้ทั่วทั้งโลกได้ด้วย ipod และ iphone แต่ผมว่าสิ่งที่น่าสนใจคือวิธีการคิดและวิธีการในการทำงานของเขาครับว่ามีวิธีการคิดและทำงานอย่างไร ถึงสามารถผลักดันให้ Apple กลายเป็นเจ้าแห่งนวัตกรรมได้เช่นในปัจจุบัน
ประเด็นที่น่าสนใจอีกประการของ Jobs นอกเหนือจากการทำให้ Apple เป็นมหาอำนาจทางธุรกิจเช่นปัจจุบันแล้ว ก็คือการที่เขาสามารถกลับมาผงาดใน Apple ได้อีกครั้ง และสามารถฉุด Apple จากช่วงที่กำลังเริ่มดิ่งเหวให้กลับกลายเป็นยักษ์ใหญ่ได้อีกครั้ง
ผมเชื่อว่าตำนานของ Jobs ที่ก่อตั้งบริษัท Apple ขึ้นในห้องนอนของเขาและการที่ร่วมกับเพื่อนรักอย่าง Steve Wozniak ในการประกอบคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของพวกเขาในโรงรถนั้นคงพอจะเป็นที่รับทราบกันบ้างแล้ว แต่ที่น่าสนใจก็คือพอเขาทำให้ Apple โด่งดังขึ้นมาได้ เขาเองกลับถูกไล่ออก (จริงๆ แล้ว Jobs ชิงลาออกก่อนที่จะถูกไล่) จากบริษัทที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นมา เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นคนที่ไม่มีผลิตภาพ และไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ ซึ่ง Jobs ก็ไม่ได้ย่อท้อนะครับ กลับไปก่อตั้งบริษัท NeXT เพื่อแข่งกับ Apple แถมยังไปซื้อบริษัท Computer Animation แห่งหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาทางด้านการเงิน พร้อมทั้งเข้าไปรื้อฟื้นและเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ว่า Pixar ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นบริษัทที่ผลิตภาพยนต์การ์ตูนหรือ Animation ชื่อดังที่พวกเราคุ้นเคยกันดี
ก่อนที่ Jobs จะกลับมาร่วมกับ Apple เป็นช่วงที่ Apple เองกำลังดิ่งเหวครับ ถ้าดูจากผลประกอบการของ Apple จะพบว่าบริษัทมีเวลาอีกเพียงแค่หกเดือนก็จะเข้าสู่ภาวะล้มละลายแล้ว และบริษัทก็ดิ่งจากบริษัทคอมพิวเตอร์ชั้นนำของโลก ลงไปสู่บริษัทคอมพิวเตอร์ธรรมดาๆ แห่งหนึ่งเท่านั้นเอง ผมเองคงไม่นำเสนอสาเหตุของการดิ่งเหวของ Apple นะครับ แต่อยากจะมุ่งเน้นไป ที่ตัว Jobs มากกว่า การกลับมาของ Jobs นั้นในวงการธุรกิจถือเป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งเลยนะครับ และทั้งหมดนั้นก็เริ่มจากการที่ทาง Apple พยายามหาซื้อระบบปฏิบัติการใหม่ มาพัฒนาต่อยอดเพื่อหาหนทางพลิกฟื้นบริษัท และทางผู้บริหารก็ไปพบเจอระบบปฏิบัติการของ NeXT ซึ่งก็เป็นของ Steve Jobs นั้นเองครับ ซึ่งสุดท้ายทาง Apple ก็ตัดสินใจซื้อบริษัทของ Jobs ไปด้วยมูลค่าทั้งสิ้น $427 ล้านเหรียญสหรัฐ และ CEO ของ Apple ตอนนั้นก็แต่งตั้ง Steve Jobs เป็นที่ปรึกษาพิเศษ ถ้าดูจากระยะเวลาแล้ว Jobs ออกจาก Apple ไปในปี 1985 และกลับมาอีกครั้งในฐานะที่ปรึกษาพิเศษในปี 1996 ซึ่งก็สิบกว่าปีเลยครับที่ Jobs ห่างหายไปจากบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้น
จริงๆ แล้วในช่วงแรก Jobs ก็ลังเลอยู่ไม่น้อยนะครับว่าจะกลับมาที่ Apple ดีหรือไม่ เนื่องจากตอนนั้นนอกจาก NeXT แล้วเขายังเป็น CEO อยู่ที่ Pixar ซึ่งก็กำลังเริ่มประสบความสำเร็จ ในแวดวงบันเทิง โดยเฉพาะจากภาพยนต์เรื่องแรกคือ Toy Story Jobs เองในขณะนั้นก็ลังเลนะครับว่าจะกลับเข้ามาในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีหรือไม่ เนื่องจากเขามองว่าเทคโนโลยีเหล่านี้มันล้าสมัยลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่การทำภาพยนต์ดีๆ ออกมาเรื่องหนึ่งนั้น ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากเป็นระยะยาวมากกว่า Jobs เคยให้สัมภาษณ์นิตยสาร Time ในทำนองที่ว่าอีกยี่สิบปีข้างหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรามีอยู่ในปัจจุบันคงไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป ในขณะที่การ์ตูนคลาสสิกอย่าง Snow White ขายได้มากกว่า 28 ล้านชุด และอยู่คงทนมาเกือบ 60 ปีแล้ว
นอกจากความสนใจของ Jobs กับ Pixar แล้ว สิ่งที่ทำให้ Jobs ลังเลอีกประการคือ เขาไม่เห็นอนาคตใน Apple เท่าไรครับ เขาเองมีความสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่า Apple จะสามารถพลิกฟื้นได้จริงหรือ และเจ้าความสงสัยนั้นก็ถึงขั้นที่เขาขายหุ้นของ Apple ที่เขาได้รับมาจากตอนที่ Apple ซื้อ NeXT จำนวน 1.5 ล้านหุ้นในราคาที่ถูกแสนถูก เพียงเหลือหุ้นไว้แค่หุ้นเดียวเท่านั้นเอง ท่านผู้อ่านลองทำตัวเป็น Jobs ดูซิครับ ว่าถ้าท่านผู้อ่านกำลังเผชิญสถานการณ์ในลักษณะเดียวกับ Jobs ท่านผู้อ่านจะตัดสินใจอย่างไร ก้าวต่อไปกับความสำเร็จที่มองเห็นกับ Pixar หรือ กลับไปพยายามรื้อฟื้นซากเก่าของบริษัทที่ตัวเองเคยก่อตั้งอย่าง Apple จริงๆ ต้องนับว่าพวกเราโชคดีนะครับที่ Jobs ยังคงมีเยื่อใยกับ Apple อยู่บ้าง มิฉะนั้นทั้งท่านผู้อ่านและผมก็คงไม่มี ipod iphone Mac Book ใช้กันเช่นทุกวันนี้หรอกครับ
พอต้นปี 1997 ทางคณะกรรมบริษัทก็ขอให้ CEO ในขณะนั้นลาออกจากบริษัท เนื่องจากผลประกอบการของ Apple จมดิ่งลงมากและบริษัทก็สูญเสียเงินจำนวนมากในงวดที่ผ่านมา ซึ่งการลาออกของ CEO คนนี้ก็มีสองฝ่ายแสดงความคิดเห็นเหมือนกันครับ กลุ่มหนึ่งก็มองว่า Jobs เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด เพื่อหาทางยึดอำนาจในการบริหาร Apple มาให้ได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่ยืนยันเช่นนั้นเลย และมีอีกกลุ่มที่เห็นว่า Jobs ไม่น่ารู้เรื่องรู้ราว เนื่องจากในช่วงนั้นเอง Jobs ก็ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจต่อ Apple เท่าไร เนื่องจากกำลังสนุกอยู่กับ Pixar แม้กระทั่งในหนังสือประวัติส่วนตัวของ CEO ที่ถูกให้ออก (คนที่เจรจาซื้อ NeXT กับ Jobs) ก็ระบุไว้ชัดเจนด้วยครับว่า ในตอนซื้อ NeXT นั้น ทาง Jobs ไม่อยากได้หุ้นของ Apple แม้แต่น้อย แต่เขากลับต้องการเงินสดทั้งหมด แต่ทาง Apple ยืนกรานที่จะให้หุ้นด้วย เพื่อให้ Jobs มีความผูกพันหรือทุ่มเทให้กับ Apple บ้าง
เมื่อบริษัทไล่ CEO คนเก่าออกแล้ว ก็ไม่รู้จะหันไปพึ่งใครแล้วครับ นอกจาก Jobs ซึ่ง Jobs เองก็ยังไม่ได้สนใจเต็มที่ โดยต่อรองว่าขอเป็น CEO ชั่วคราวก่อน ซึ่งก็กลายเป็นที่มาของตำแหน่ง iCEO หรือ Interim CEO หรือ CEO ชั่วคราวครับ ขณะเดียวกันในช่วงนั้นทาง Apple ก็กำลังหาคนมาเป็น CEO อย่างถาวรครับ ซึ่งสุดท้ายแล้วทุกคนก็คงทราบว่าหวยก็กลับมาลงที่ Jobs อีกรอบ
เป็นอย่างไรบ้างครับ Steve Jobs กับ Apple ผมว่าเป็นประวัติทางธุรกิจที่น่าสนใจทีเดียว ท่านผู้อ่านอยากจะอ่านรายละเอียดก็ลองหาหนังสืออ่านดูได้นะครับ มีหนังสือหลายเล่มที่เขียน
เกี่ยวกับตำนานเหล่านี้ไว้ ส่วนผมนั้นส่วนใหญ่ก็เรียบเรียงมาจากหนังสือชื่อ Inside Steve’s Brain โดย Leander Kahney ครับ เอาไว้สัปดาห์หน้าเรามาดูกันต่อถึงวิธีการคิดและการทำงานของ Steve Jobs นะครับว่าเขาทำได้อย่างไรถึงพลิกฟื้น Apple ให้กลับมาผงาดได้อีกครั้งหนึ่ง