
20 December 2007
เริ่มต้นปีใหม่เชื่อว่าเราก็คงอยากจะมองเข้าไปในลูกแก้ววิเศษเพื่อมองแนวโน้มของปีใหม่ เพื่อจะได้เตรียมตัวและเตรียมกลยุทธ์ให้พร้อมสำหรับปีใหม่นี้ แต่สมัยนี้โชคดีนะครับที่เราไม่ต้องพยายามหาลูกแก้วแล้วเพ่งกสิณเข้าไปเอง เนื่องจากมีบรรดาผู้เชี่ยวชาญเขาช่วยอยู่แล้ว ในต่างประเทศมีหน่วยงานหนึ่งที่เรียกว่าเป็น Trend Watching ที่ทำหน้าที่คอยสอบถามบรรดาผู้รู้ทั้งหลายและรวบรวมออกมาเป็นแนวโน้มสำคัญๆ สำหรับผู้บริโภคในปี 2008 นี้ เรามาดูกันนะครับว่าแนวโน้มเหล่านี้มีอะไรบ้าง แต่ก่อนอื่นต้องอย่าลืมนะครับว่าเป็นแนวโน้มของต่างประเทศ
แนวโน้มผู้บริโภคประการแรกเป็นเรื่องของ “สถานะ” ครับ ซึ่งต้องบอกว่าไม่ใช่แนวโน้มใหม่ แต่เป็นแนวโน้มที่ต่อเนื่องมาจากปี 2007 ที่ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญต่อสิ่งที่แสดงถึงสถานะของตนเอง ดังนั้นผู้บริโภคจะพยายามแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด เก๋ที่สุด เท่ห์ที่สุด แพงที่สุด หรือ หายากที่สุดมาใช้หรือครอบครอง เนื่องจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องที่บ่งบอกและแสดงถึงสถานะและรสนิยมของผู้ใช้ ซึ่งต้องการการยอมรับจากบุคคลรอบข้างมากขึ้น จริงๆ แล้วเรื่องของความบ้า “สถานะ” นั้นไม่อาจจะเรียกว่าเป็นแนวโน้มนะครับ แต่เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว และเชื่อกันว่าในปี 2008 นี้ก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น ทำให้บรรดาองค์กรธุรกิจทั้งหลายอาจจะต้องวางกลยุทธ์ในการออกสินค้าและบริการให้เหมาะสมนะครับ เพื่อจับกระแสนี้ให้อยู่
เรื่องของสถานะนั้นในเมืองไทยก็ไม่น้อยหน้านะครับ สังเกตได้จากปรากฎการณ์ iphone ในบ้านเรา ที่เดี๋ยวนี้ใช้กันเยอะมาก ทั้งๆ ที่ทาง Apple ประเทศไทยก็ยังไม่ได้นำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่การมีหรือการใช้ iphone นั้นนอกเหนือจากจะเป็นการสนองความต้องการของพวกชอบเทคโนโลยีแล้ว ก็เป็นเครื่องแสดงสถานะอย่างหนึ่งของผู้ใช้ว่าทันสมัย ใช้ของเท่ห์ ใช้ของใหม่ ทั้งๆ ที่ iphone อาจจะไม่ใช่ PDA Phone ที่มีคุณสมบัติดีที่สุดหรือคุ้มค่าที่สุดในท้องตลาดในปัจจุบัน
นอกจากนี้ถ้ามองผ่านสถิติแล้วเราจะพบว่าคนรวยในโลกนี้เพิ่มขึ้นครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นกลางในประเทศต่างๆ และ บุคคลที่เราเรียกว่าเป็น HNW (High Net Worth) หรือพวกที่มีทรัพย์สินหรือมูลค่าสูง ซึ่งเขากำหนดว่าเป็นพวกที่มีทรัพย์สินสุทธิอย่างน้อย $1 ล้านเหรีญสหรัฐ (ไม่นับบ้านที่อยู่อาศัยหลัก) ซึ่งพบว่าคนกลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตถึง 8.3% และในปัจจุบันมีอยู่ถึง 9.5 ล้านคน และพวกที่เป็น Ultra-HNW หรือ บรรดามหาเศรษฐีทั้งหลายที่มีสินทรัพย์สุทธิเกิน $30 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่เพิ่มขึ้น 11.3% เป็นเกือบ 100,000 คนทั่วโลก ที่น่าสนใจคือบรรดาคนรวยเหล่านี้มีเพิ่มมากขึ้นในประเทศอย่างจีน ที่พวก HNW เพิ่มขึ้น 7.8% เป็น 345,000 หรือ รัสเซียที่เพิ่มขึ้น 15.5% เป็น 119,000 คน
จากการที่คนกลุ่มหนึ่งทั่วโลกมีเงินมากขึ้น ยิ่งทำให้ของที่เคยดูเป็นของหรู แสดงถึงสถานะของผู้ใช้นั้น กลายเป็นสินค้าที่ดูดาษดื่นหรือธรรมดามากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตดูก็ได้นะครับ ในเมืองไทยนั้นกระเป๋า นาฬิกา หรือแม้กระทั่งเครื่องใช้ไฟฟ้า หลายๆ ยี่ห้อ ที่อดีตจะเป็นของเล่นของบรรดามหาเศรษฐีจริงๆ นั้นก็กลายเป็นของใช้ของทุกคนไปแล้ว (ยังไม่นับบรรดาของปลอมที่ออกมาลอกเลียนแบบ) ทำให้มหาเศรษฐีทั้งหลายต้องขวนขวายหาของอย่างอื่นที่เก๋ เท่ห์ หาลำบาก มาแสดงถึงสถานะของตนเองอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นกล่าวได้ว่าในปีหน้า ยิ่งของที่สามารถสะท้อนถึงสถานะของผู้ใช้เท่าไร ยิ่งจะเป็นที่ต้องการของผู้ที่มีปัญญาจ่ายมากขึ้นเท่านั้น
แนวโน้มที่สองที่ต่อเนื่องจากมาจากแนวโน้มประการแรกคือ เรื่องของสินค้าบริการที่หรู (Premium) ที่มีการมองไว้ว่าในปี 2008 นั้น ทุกอุตสาหกรรม สินค้า และบริการ จะไม่สามารถหนีพ้นภาวะที่เขาเรียกว่า Premiumization หรือการถือกำเนิกของ Segment หรูหรือของพรีเมี่ยม ถ้าจะยกตัวอย่างพวกของใช้ต่างๆ ท่านผู้อ่านอาจจะชินหรือดูไม่แปลกก็ได้ครับ แต่ลองนึกถึงน้ำเปล่าบรรจุขวดซิครับ เราจะสามารถสร้างสินค้าประเภทนี้ให้เป็นสินค้าหรูได้หรือไม่?
ถ้าเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น ไวน์ กาแฟ หรือ ชา ล้วนแล้วแต่มีสินค้าที่มีกลุ่มที่เป็นสินค้าหรูอยู่แล้ว สำหรับน้ำเปล่านั้นทำให้หรูได้ไหม? ปัจจุบันมีน้ำเปล่ายี่ห้อ Palace ที่อยู่ในเกรดหรูออกวางขายแล้วครับ และมีจำหน่ายในบาร์หรือร้านอาหารหรูๆ โดยมีการออกแบบฝากจุกแบบเทได้และขวดทำด้วย Stainless Steel โดยขายอยู่ขวดละ $15-20 ลองคิดดูซิครับ น้ำดื่มขวดละกว่า 600 บาท ดังนั้นแม้กระทั่งน้ำเปล่ายังทำให้หรูได้ แล้วอย่างอื่น ทำไมจะทำไม่ได้ใช่ไหมครับ?
สัปดาห์นี้ผมจบเนื้อหาเรื่องแนวโน้มสำคัญปี 2008 ไปแค่นี้ก่อนนะครับ สัปดาห์หน้าเรามาดูกันต่อนะครับ แล้วอย่าลืมไปหาของที่แสดงถึงสถานะ และหาของหรูๆ มาใช้นะครับ