13 April 2009

เมื่อเราต้องเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดและความไม่แน่นอนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ หรือ ด้านสังคม และสิ่งที่พบในสังคมไทยก็คือเรามักจะหันไปหาหรือพึ่งพาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ในช่วงวิกฤตทางการเมืองในประเทศเมื่อช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา พอไม่รู้จะหันไปพึ่งพาใครแล้ว ก็เริ่มหันไปพึ่งหมอดูว่าเมื่อไรวิกฤตในประเทศไทยจะจบลง หรือ บัณฑิตจบใหม่หลายๆ คนที่ประสบกับปัญหาในเรื่องของการหางานทำ ก็เริ่มพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันพอสมควรแล้ว

            ก็พอจะเข้าใจได้และไม่แปลกใจหรอกนะครับว่าถ้าเราหมดทางพึ่งพิงแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จะกลายเป็นที่พึ่งสุดท้าย และหวังว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมีจริง อย่างไรก็ดีในช่วงที่ผ่านมาดูว่าเราจะลืมกันไปนะครับว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ อีกทั้งหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าก็เป็นหลักที่ทันสมัย เป็นวิทยาศาสตร์ สามารถนำมาปรับใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัย ดังนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์ ภาวะวิกฤต หรือ ความตึงเครียดต่างๆ สิ่งที่เราควรจะหันหน้าเข้าหาหรือพึ่งพิงน่าจะเป็นหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าก่อนนะครับ

            จริงๆ แล้วผมมองว่าไม่ใช่เมื่อมีปัญหาแล้วถึงจะพึ่งหลักธรรมหรอกนะครับ เนื่องจากหลักธรรมเป็นสิ่งที่เราควรจะยึดถือและปฎิบัติกันเป็นประจำ เพียงแต่เท่าที่ผ่านมาทุกควรมัวแต่ยุ่ง วุ่นวายกับการดำรงชีวิต ทำให้เรามักจะละเลยต่อพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไป ดังนั้นถ้าท่านเริ่มรู้สึกว่าไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครหรือไปในทิศทางไหนแล้ว อาจจะเป็นโอกาสอันดีที่จะกลับมาศึกษาหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอีกครั้งหนึ่งก็ได้นะครับ

            ผมเองก็ได้ไปหยิบหนังสือ 38 มงคลชีวิต หลักปฏิบัติมงคลของคนดี ของพระธรรมโกศาจารย์ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เมื่อได้กลับมาอ่านหลักมงคลชีวิตทั้ง 38 ประการอีกครั้ง ก็พบว่าหลักมงคลชีวิต นั้นเป็นหลักที่ทันต่อสมัยและสมควรนำมาปรับใช้กับการดำรงชีวิตของพวกเราในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ผมเองขออนุญาตนำหลักมงคลชีวิตบางข้อที่น่าสนใจและเหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันมาเล่าสู่กันฟังนะครับ

            มงคลชีวิตข้อแรกคือการไม่คบคนพาลครับ โดยถ้าท่านผู้อ่านึกไม่ออกว่าคนพาลนั้นมีลักษณะอย่างไร ก็ได้มีการอธิบายเพิ่มเติมอีกครับว่าคนพาลนั้นมีอาการ 3 ครับ ได้แก่ มโนทุจริต อาทิเช่น ความพยาบาท ความโกรธผูกเวรเขา วจีทุจริต อาทิเช่น กล่าวาจาล่อลวง อำพรางผู้อื่น กล่าวส่อเสียดยุยงให้เขาแตกร้าวกัน  และกายทุจริต อาทิเช่น การฆ่าสัตว์ที่มีชีวิต ลักสิ่งของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง และลักษณะเครื่องหมายที่สามารถเห็นได้ชัดและรู้ว่าเป็นคนพาลประการที่สำคัญที่สุดคือ คนพาลนั้นสามารถที่จะกระทำความทุจริตไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง

            มงคลข้อชีวิตข้อที่สิบหกคือความประพฤติเป็นธรรม โดยเป็นความประพฤติที่สุจริต ปราศจาการเบียดเบียนผู้อื่น เว้นจากการเบียดเบียนชีวิตและความสุข มีเมตตากรุณา เห็นสุขทุกข์ผู้อื่น นอกจากนี้ผู้ที่มีความประพฤติเป็นธรรมนั้นยังเป็นผู้ที่เว้นจากการกล่าวเท็จ  กล่าวส่อเสียดยุยงเขา พูดเหลวไหลไม่ได้ประโยชน์ ชักนำบุคคลในทางสามัคคี อีกทั้งยังต้องเป็นผู้ไม่คิดโลภ รู้จักพอด้วยของๆ ตนที่มีอยู่

            สำหรับมงคลชีวิตข้อที่ 27 คือเรื่องของขันติ ความอดทน โดยบุคคลจะปะกอบกิจการใดก็ตาม เมื่อขาดความอดทน กิจการย่อมไม่ประสบความสำเร็จ การอดทนนั้นเป็นสิ่งที่ยากที่จะอดได้ สำหรับการอดทนต่อผู้ที่สูงกว่าหรือเสมอกันนั้นก็ยังพอทำเนาครับ แต่การอดทนต่อบุคคลที่ต่ำกว่าตนนั้น ยิ่งยากมาก เพราะถ้าอดทนได้ไม่โต้ตอบ ก็จะมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนเลวไม่โต้ตอบ แต่ในพระศาสนาท่านกล่าวยกย่องว่าความอดทในระหว่างบุคคลผู้เลวกว่า เป็นขันติอย่างสูง เพราะยากนักที่จะทำได้

            มงคลชีวิตทั้งสามข้อข้างต้นนั้นเป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่งของมงคลชีวิตทั้ง 38 ประการที่องค์พระ สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสเทศนาไว้ ซึ่งจากตัวอย่างของมงคลชีวิตทั้งสามประการข้างต้น เมื่อนำมา พิจารณาประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันไม่ว่าจะในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ก็น่าจะเป็นข้อเตือนใจเราได้เป็นอย่างดีนะครับ ว่าถ้าท่านอยากจะเป็นคนดีนั้น ไม่ใช่ปากบอกหรือพูดอย่างเดียว การประพฤติปฏิบัติก็เป็นสิ่งสำคัญด้วย และมงคลชีวิตทั้ง 38 ประการเป็นแนวทางในการปฏิบัติที่เหมาะ ที่ควร

            นอกเหนือจากหลักมงคลชีวิตทั้ง 38 ประการแล้ว หลักธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธ เจ้าล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เราควรจะหันกลับไปศึกษาทบทวนอีกครั้งหนึ่งนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถาน การณ์ความไม่แน่นอนในด้านต่างๆ ในปัจจุบันนะครับ