26 January 2007
ปัญหาท้าทายของผู้บริหารในทุกๆ องค์กรคือทำอย่างไรถึงจะสร้างแรงจูงใจให้พนักงานในองค์กรของตนเอง จนทำให้บุคลากรมีความกระตือรือร้น ความมุ่งมั่นในการทำงาน หลายๆ บริษัทก็พยายามจะหาวิธีต่างๆ นานาที่หลากหลายนะครับ ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้างนะครับ สัปดาห์นี้ผมเลยขอนำตัวอย่างจากบริษัทที่ได้ชื่อว่าน่าทำงานด้วยมากที่สุดในอเมริกามานำเสนอให้ท่านผู้อ่านครับ เพื่อเป็นตัวอย่างและแนวทางที่ท่านผู้อ่านจะนำไปปรับใช้ในองค์กรของท่านครับ โดยแนวทางต่างๆ เหล่านี้เป็นแนวทางของบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดของอเมริกา ซึ่งทางนิตยสาร Fortune จะมีการจัดกันเป็นประจำในทุกๆ ปีครับ และผลของปีที่แล้วก็เพิ่งออกมาเมื่อไม่นานมานี้ครับ
ลองมาดูที่บริษัทที่ได้รับการจัดอันดับเป็นที่หนึ่งก่อนเลยนะครับ ซึ่งก็คือ Search Engine เบอร์หนึ่งของโลกอย่าง Google ครับ ในอาณาบริเวณของ Google นั้นเขาจำลองบรรยากาศของมหาวิทยาลัย และเรียกเป็น Google Campus มากกว่าที่จะสำนักงาน และต้องเรียกได้ว่า Google มีการดูแลพนักงานอย่างเต็มที่เลยครับ เริ่มจากการมีร้านอาหารจำนวน 11 แห่งที่พนักงานสามารถสั่งอาหารรับทานได้ฟรีครับ (ไม่ใช่โรงอาหารนะครับ แต่เป็นร้านอาหารที่มีอาหารดีๆ และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ) ลองดูชื่อร้านอาหารต่างๆ ของ Google ดูนะครับ เช่น Plymouth Rock Café หรือ Café Pintxo หรือ Café Seven ดูชื่อแต่ละร้านแล้วก็น่าเข้าไปนั่งรับทานนะครับ นอกจากร้านอาหารแล้ว ไอศรีมและขนมต่างๆ ก็มีบริการฟรีตลอดทั้งวัน เช่น ขนม M&M ซึ่งจะตั้งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะทำงานของพนักงานแต่ละคนเท่าไร เนื่องจากสองผู้ก่อนตั้ง Google มีความเชื่อว่าพนักงานแต่ละคนไม่ควรจะอยู่ห่างจากแหล่งอาหารเกิน 150 feet เรียกว่าซื้อใจพนักงานด้วยอาหารจริงๆ เลยครับ
นอกจากอาหารและขนมที่มีอย่างสมบูรณ์แล้ว ที่ Google ยังมีสิ่งจูงใจพนักงานอื่นๆ อีกเยอะนะครับ เช่น สามารถขนเสื้อผ้ามาซักได้ (มีเครื่องซักผ้าและอบผ้าเตรียมไว้พร้อม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และเตรียมผงซักฟอกไว้ให้ฟรีด้วยครับ) มีร้านรับซักแห้ง มีร้านให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ล้างรถ มีโรงยิม สระว่ายน้ำให้ออกกำลังกาย หรือถ้าพนักงานทำงานจนเมื่อยก็มีบริการนวดให้ในราคา $30 ในขณะเดียวกันก็ดูแลสุขภาพพนักงานอย่างดีครับ พนักงานที่ไม่สบายก็สามารถมารับการรักษาหรือฉีดยาได้ฟรี หรือ ถ้าพนักงานจะซื้อรถใหม่ที่เป็นรถไฮบริดแบบประหยัดน้ำมัน ทางบริษัทก็จะช่วยทันที $5,000 เรียกได้ว่าสร้างจิตสำนึกให้พนักงานในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่ หรือ ถ้าพนักงานแนะนำพนักงานใหม่ให้เข้ามาทำงานได้สำเร็จ ก็จะได้โบนัสพิเศษ $2,000 ต่อคน ในขณะเดียวกัน Google ก็จัดรถบัสรับส่งพนักงานจากตัวเมืองมาที่ Google Campus เหมือนบริษัททั่วๆ ไป แต่ที่น่าสนใจคือบนรถติดตั้ง Wi-Fi ที่พนักงานสามารถต่อเข้าอินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา
เป็นอย่างไรครับ อ่านดูแล้วก็น่าอิจฉาพนักงานของ Google นะครับ แต่ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะบอกว่าที่ Google ทำไปทั้งหมดนั้น ก็เพื่อให้พนักงานได้มีเวลาและทุ่มเททำงานให้กับ Google อย่างเต็มที่ ซึ่งก็คงจริงนะครับ เพียงแต่ถ้าเราได้รับการดูแลดีๆ แบบนี้เราก็ยอมที่จะทุ่มเททำงานให้กับองค์กรของเราอยู่แล้วครับ (ถ้าท่านผู้อ่านเข้าไปนั่งในห้องน้ำของ Google แล้วจะพบกระดาษแผ่นหนึ่งแปะติดที่ประตู เรียกว่า Testing on the Toilet โดยเป็นคำถามที่กระตุ้นสมองของพวกนักคอมพิวเตอร์ทั้งหลายให้คิดและตื่นตัวตลอดเวลาครับ แม้กระทั่งเมื่อธรรมชาติเรียกร้อง) เลยไม่แปลกใจนะครับว่าทำไมผลประกอบการและราคาหุ้นของ Google ถึงได้ขึ้นเอาๆ ครับ ท่านผู้อ่านลองคิดดูซิครับว่าเมื่อสองปีที่แล้วราคาหุ้นของ Google อยู่ที่ $85 และปัจจุบันอยู่ที่ $483 ทำให้เกิดข้อสงสัยเหมือนกันนะครับ ว่าการที่ Google เป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุด เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นของ Google ดีแบบนี้ หรือ เป็นเพราะราคาหุ้นของ Google ดี เลยเป็นเหตุให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดกันแน่?
นอกเหนือจาก Google แล้ว เราลองมาดูบริษัทอื่นๆ กันบ้างนะครับ ว่าเขามีแนวทางในการจูงใจ และสร้างขวัญ กำลังใจให้พนักงานอย่างไร
- บริษัท Genetech ซึ่งตกจากอันดับหนึ่งในปีที่แล้วมาเป็นอันดับสอง จะให้สิทธิ์พนักงานลาได้นานถึงหกสัปดาห์ ทุกๆ หกปี
- บริษัท Container Store จะจ่ายค่าตอบแทนให้พนักงาน 50 – 100% สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม พร้อมทั้งจัดให้มีกะการทำงานระหว่าง 9.00 – 14.00 สำหรับพวกผู้ปกครองที่ต้องส่งและรับลูก
- Whole Foods Market จะจำกัดเงินเดือนของผู้บริหารระดับสูงไม่ให้เกิน 19 เท่าของค่าเฉลี่ยของบริษัท และตัว CEO เองจะรับเงินเดือนแค่ $1 โดยผลตอบแทนทั้งหมดจะผูกกับ Stock Option ที่จะสะท้อนผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต (ผู้บริหารของไทยน่าจะพิจารณาบ้างนะครับ)
- S.C. Johnson & Son จะจัดห้องพักในโรงแรมให้พนักงานที่อาศัยเกิน 25 ไมล์จากบริษัทและต้องกลับบ้านค่ำ พร้อมทั้งจัดให้มีสถานรับเลี้ยงเด็กเล็กภายในบริษัทบริการในราคาถูกสำหรับพนักงานที่มีรายได้ไม่มาก
- Boston Consulting Group บริษัทที่ปรึกษาชื่อดังนั้น ถ้าพนักงานคนใดทำงานเกินกว่า 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะถูกเตือน และได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพ
- Methodist Hospital Systems นั้นพนักงานทุกคน (ยกเว้นผู้บริหารระดับสูง) จะได้รับบัตรกำนัลในการเติมน้ำมันฟรี $250 ในภาวะที่น้ำมันแพง
- David Weekley Homes ผู้บริหารสูงสุดจะบริจาคเงินเดือนของตนเองครึ่งหนึ่งให้กับสาธารณกุศล และพนักงานทุกคนจะได้หยุดพิเศษในวันเกิดของตนเอง
- American Century Investment จะจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานเข้าคอร์สเรียนหลักสูตรที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานของตัวเองถึง 75% ในขณะที่ตั๋วชมละครและซิมโฟนี ทางบริษัทจะช่วยออกให้ครึ่งหนึ่ง และงบประมาณในการพัฒนาพนักงานจะเฉลี่ยอยู่ที่ $2,700
- Starbucks ร้านกาแฟชื่อดังนั้น ส่วนใหญ่จะใช้พนักงาน Part-Time แต่พนักงาน Part-Time เหล่านี้จะได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนพนักงานประจำทุกอย่างถ้าทำงานครบ 240 ชั่วโมงในไตรมาส
- Baptist Health Care ใช้นโยบายไม่มีความลับต่อพนักงานครับ นั้นคือ ข่าวและข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าข่าวดีหรือข่าวร้าย จะไม่ปิดบังพนักงาน
- Arnold & Porter ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย จะจ่ายเงินให้พนักงาน $15,000 ถ้าสามารถแนะนำพนักงานเข้าใหม่มาทำงานได้สำเร็จ
- Goldman Sachs นั้นพนักงานที่แต่งงาน หรือ ลงทะเบียนว่ามีคู่ (แปลว่าไม่ต้องแต่งงาน และไม่ระบุเพศ?) จะได้รับวันลาพักร้อนเพิ่มอีกสัปดาห์
- Microsoft ยักษ์ใหญ่วงการซอฟแวร์ มีบริการ Free grocery delivery และถ้าพนักงานบริจาคเงินให้กับองค์กรกุศลใด ทางบริษัทจะจ่ายในอัตราเท่ากันให้กับองค์กรนั้น ในมูลค่าไม่เกิน $12,000
- Astrazeneca ซึ่งเป็นบริษัทยานั้น ยาของบริษัทมีบริการให้พนักงานโดยไม่คิดมูลค่า
เป็นอย่างไรบ้างครับ พอจะได้แนวคิดไปปรับใช้นะครับ ถ้าสนใจหาข้อมูลเพิ่มเติม ลองหาวารสาร Fortune หรือ เข้าไปที่เว็บของเขาก็ได้นะครับ ดูๆ แล้วหลายเรื่องก็เป็นสิ่งที่น่าจะนำมาปรับใช้ได้ครับ