Photo by Fakurian Design on Unsplash

6 July 2008

ท่านผู้อ่านทราบไหมครับว่าอวัยวะส่วนไหนของร่างกายที่สลับซับซ้อนที่สุด เป็นอวัยวะที่มนุษย์เราทำความเข้าใจน้อยที่สุด แต่ก็เป็นอวัยวะที่ถ้าได้รับความกระทบกระเทือนหรือเสียหายในส่วนต่างๆ ที่แตกต่างกันแล้วก็จะส่งผลต่อคนแต่ละคนต่างกัน เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงจะเดาได้นะครับว่าเป็น “สมอง” นั้นเอง ในช่วงหลังมีความพยายามของบรรดาแพทย์และนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากที่จะศึกษาและอธิบายปรากฎการณ์ การทำงานของสมองเรา เพื่อทำความเข้าใจและหาแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงการทำงาน และทำให้การดำรงชีวิตของเราดีขึ้น

            ผมเองมีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Brain Rules เขียนโดย John Medina ซึ่งเป็นการรวบรวม บรรดาการทดลองต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมองไว้แล้วนำมาสรุปเป็นกฎง่ายๆ สิบสองข้อเกี่ยวกับการทำงาน ของสมองเรา ซึ่งผมเองก็ได้เคยนำเสนอกฎบางข้อในหนังสือเล่มนี้ผ่านทางบทความนี้มาบ้างแล้ว ดังนั้นวันนี้เลยอยากจะมาสรุปสาระหรือประเด็นที่สำคัญที่หนังสือเล่มนี้นำเสนอไว้ เผื่อเป็นแนวทางสำหรับ ท่านผู้อ่านในการทำความเข้าใจ และหาทางพัฒนาและปรับปรุงสมองเรานะครับ

            เริ่มจากความทรงจำครับ สมองเรามีความทรงจำระยะสั้นที่เรียกว่า Short-Term Memory โดยเจ้า ความทรงจำระยะสั้นนั้นจะสามารถเก็บข้อมูลได้ไม่เกินเจ็ดชิ้นไว้ได้นานสุดประมาณแค่สามสิบวินาที หลังจากนั้นสิ่งที่เราพยายามจดจำนั้นก็จะสลายไปหมด ดังนั้นการที่จะจดจำสิ่งต่างๆ ได้นาน จะต้องคอยตอกย้ำตลอดเวลา เหมือนกับการจำหมายเลขโทรศัพท์ครับ เราจะจำได้ต่อเมื่อเราท่องแล้วท่องอีก

            นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการนอนหลับ กับการทำงานของสมองเราครับ ตอนที่เราหลับนั้นร่างกายเราหยุดทำงาน แต่สมองของเราไม่ได้หยุดไปด้วยครับ นักวิทยาศาสตร์พบว่าช่วงที่คนเราหลับนั้น จะเป็นช่วงที่สมองของเราทำงานอยู่ตลอดเวลา และพบอีกว่าคนเราจะเรียนรู้หรือแก้ปัญหาต่างๆ ที่พบเจอได้ดีขึ้น ถ้าได้นอนหลับ มีการทดลองหลายครั้งที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อให้โจทย์ปัญหาให้กลุ่มทดลอง แล้วเปิดโอกาสให้กลุ่มทดลองได้นอนหลับประมาณแปดชั่วโมง กลุ่มที่ได้มีโอกาสนอนหลับ จะสามารถแก้ไขโจทย์ปัญหาได้ดีกว่า กลุ่มที่ไม่ได้นอนหลับ แสดงว่าระหว่างที่เราหลับนั้น สมองเราก็มีการเรียนรู้และทำงานไปด้วย ในขณะเดียวกันการนอนหลับก็ทำให้สมองเราแจ่มใส มีสมาธิ ทำงานได้ดีขึ้น

            ในขณะเดียวกันการที่เราได้นอนกลางวันก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้สมองเราทำงานได้ดีขึ้น มีการทดลองที่ NASA แล้วพบว่าการได้นอนหลับตอนบ่ายเพียง 26 นาที จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานของนักบินได้ถึงร้อยละ 34 ดังนั้น ถ้าผู้บริหารองค์กรต่างๆ พยายามที่จะแสวงหาหนทางหรือแนวทางในการเพิ่มความ สามารถในการทำงานของลูกน้องท่าน ลองให้พวกเขาได้งีบหลับตอนบ่ายซักช่วงหนึ่งซิครับ อาจจะเป็นวิธีเพิ่มความสามารถของบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนที่สุดก็ได้ครับ

            สำหรับการรับรู้ข้อมูลของสมองนั้น เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงทราบอยู่แล้วว่าเราจะรับรู้ต่อสิ่งที่เป็นรูปแบบได้ดีกว่าตัวอักษรหรือตัวเลขเฉยๆ ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อเราได้ยินข้อมูลใดก็ตาม อีกสามวันให้หลังเราจะจำได้เพียงแค่ร้อยละ 10 เท่านั้นเองครับ แต่ถ้าเราเห็นรูปใดก็ตาม อีกสามวันให้หลังเราจะจำได้ถึงร้อยละ 35 และจะให้ดีที่สุดคือได้ยินทั้งเสียงและเห็นทั้งรูปภาพ อีกสามวันให้หลังเราจะจำได้ถึงร้อยละ 65 ดังนั้นการนำเสนอข้อมูลใดก็ตาม ไม่ควรจะเน้นไปที่การบรรยายหรือนำเสนอแต่ตัวอักษรอย่างเดียว แต่ควรจะมีภาพที่ทำให้คนสามารถจดจำได้ง่าย ท่านผู้อ่านอาจจะต้องกลับไปรื้อหรือทำ Powerpoint ของท่านใหม่แล้วนะครับ มิฉะนั้นถ้า Powerpoint ของท่านเต็มไปด้วยตัวอักษรและคำอธิบาย ผู้ฟังก็จะจำไม่ได้หรอกครับ

            ในขณะเดียวกันสมองและร่างกายเราไม่ได้ถูกออกแบบมาให้นั่งทำงานหรือนั่งประชุมติดต่อกันเป็นเวลานานๆ หรอกครับ ผลการทดลองต่างๆ พบว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานของสมองเรากับการออกกำลังกายครับ การนั่งอยู่กับที่เพื่อพยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ อาจจะได้ผลไม่ได้เท่ากับการเดินไปแก้ไขปัญหาไปก็ได้นะครับ เนื่องจากร่างกายและสมองเราถูกออกแบบมาให้คิดได้ดีเมื่อเราเคลื่อนไหว ลองสังเกตดูซิครับว่าถ้านั่งอยู่กับโต๊ะทำงานทั้งวันบางครั้งสมองเราก็ไม่แล่น แต่ถ้าได้ออกเดินเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง สมองเราอาจจะคิดอะไรได้ดีกว่าการนั่งเฉยๆ ที่โต๊ะทำงานก็ได้ ท่านผู้อ่านลองหาทางผสมผสานการเคลื่อนไหวหรือการออกกำลังกายเข้ากับการทำงานซิครับ เช่น รับโทรศัพท์ไปเดินไป หรือ ยืนประชุม หรือ เดินออกไปรับทานอาหารข้างนอก สิ่งต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อาจจะช่วยให้สมองเราทำงานได้ดีขึ้นก็ได้นะครับ

            ท่านผู้อ่านลองนำเคล็ดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะครับ ก่อนจบฝากข่าวประชาสัมพันธ์ครับ เนื่องจากปีนี้ที่คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ จะครบรอบ 70 ปี ดังนั้นจะมีงานสัมมนาวิชาการใหญ่ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ โดยมีคณาจารย์และศิษย์เก่ามานำเสนอแนวคิดและแนวปฏิบัติใหม่ๆ ทางด้านการบริหารจัดการครับ ผมเองก็จะขึ้นพูดเรื่อง “กลยุทธ์ที่หนึ่งไม่มีสอง ด้วยสมองข้างขวา” ถ้าท่านผู้อ่านอยากจะทราบว่าสมองข้างขวานั้นจะมีบทบาทสำคัญอย่างไรในการกำหนดกลยุทธ์ในภาวะการแข่งขันยุคใหม่ ก็ลองโทร.มาสอบถามรายละเอียดได้ที่ 02-218-5867 นะครับ