11 March 2007

ก่อนอื่นต้องขอประทานโทษที่หายไปสัปดาห์หนึ่งนะครับ อย่างไรก็ดีสัปดาห์นี้เราก็กลับมาพบกันตามเดิม และเนื้อหาก็ยังต่อเนื่องจากสองสัปดาห์ที่แล้ว โดยเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วผมได้เกริ่นไว้ในเรื่องของผู้นำที่ทั้งเก่งและดี โดยเฉพาะดีในแง่ที่ว่าเป็นผู้นำที่มีลักษณะเป็น Authentic นั้นคือมีความน่าเชื่อถือ มุ่งมั่น บริหารด้วยทั้งหัวใจและสมอง โดยประเด็นสำคัญคือจะพัฒนาผู้นำที่มีลักษณะ Authentic ขึ้นมาได้อย่างไร? บรรดาทฤษฎีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะผู้นำก็ไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้ายที่จะบอกได้ว่าจะพัฒนาคนๆ หนึ่งให้เป็นผู้นำที่ทั้งเก่งและดีได้อย่างไร? ในวารสาร Harvard Business Review ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีบทความหนึ่งชื่อ Discovering Your Authentic Leadership เขียนโดย Bill George อดีตซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องมือแพทย์กับพรรคพวก โดยได้สำรวจบรรดาผู้นำที่เรียกว่าเป็น Authentic Leader เพื่อหาคำตอบว่าจะเป็นผู้นำที่ทั้งเก่งและดีได้อย่างไร?

ประเด็นที่น่าสนใจที่ผมทิ้งท้ายไว้เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วก็คือ คนจะเป็นผู้นำแบบ Authentic ได้นั้นจะต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจ และรู้จักตัวเองก่อนครับ และไม่ใช่เพียงแค่รู้จักตัวเองเพียงอย่างเดียว ยังจะต้องมีการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาครับ ซึ่งในประเด็นนี้มีความน่าสนใจมากครับ เนื่องจากเคยได้ยินบางคนพูดเหมือนกันว่าจะเป็นผู้นำที่ดีได้นั้นต้องเข้าหลักสูตรเจ๋งๆ เรื่องภาวะผู้นำก่อน หรือ ต้องรอให้ได้เจ้านายดีๆ มาสอนงานก่อน ซึ่งถ้าคิดแบบนั้นก็แสดงว่าเรามัวแต่รอคนอื่นเขาป้อนให้นะครับ ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่ได้ค้นพบเกี่ยวกับผู้นำที่เป็น Authentic เนื่องจากคนเหล่านี้จะไม่หยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญคือคนที่จะรับผิดชอบต่อการพัฒนาความเป็นผู้นำของตัวเราก็คือตัวเราเองครับ เหมือนกับนักกีฬาหรือนักดนตรีที่เก่งๆ ครับ ที่จะต้องรู้จักพัฒนาตนเองตลอดเวลา ไม่สามารถรอให้คนอื่นเขามัวมาป้อนความเป็นผู้นำให้ได้หรอกครับ

ที่น่าสนใจเช่นกันก็คือคนที่จะเป็น Authentic Leader ได้นั้นมักจะเรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเองเป็นสำคัญครับ เหตุการณ์ ประสบการณ์ หรือ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต จะเป็นสิ่งที่หล่อหลอมค่านิยม ทัศนคติ และความคิดของบุคคลเหล่านั้น โดยบุคคลเหล่านั้นมักจะสามารถย้อนกลับไปถึงช่วงเวลา หรือ เหตุการณ์ที่สำคัญในอดีต ที่มีส่วนหล่อหลอมต่อค่านิยม และทัศนคติของตนเอง ท่านผู้อ่านลองย้อนกลับมาดูที่ตัวท่านเองบ้างก็ได้ครับ ความคิด ค่านิยม หรือ ทัศนคติของท่านในปัจจุบัน ได้เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ในประสบการณ์ หรือ เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตหรือไม่? ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านคงจะมีประสบการณ์เช่นนั้นมาบ้างนะครับ

จริงๆ เหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นจะเป็นสิ่งที่หล่อหลอมความเป็นผู้นำหรือตัวตนของเราในปัจจุบันนะครับ เพียงแต่เรารู้จักที่จะเรียนรู้จากเหตุการณ์เหล่านั้นหรือไม่? ตอนที่นั่งเขียนบทความนี้ผมก็นึกถึงเรื่องของตัวเองเหมือนกันครับ ซึ่งก็นึกย้อนกลับไปสมัยมัธยมปลาย และเป็นวันปิดเรียนภาคต้น จำได้ว่าในวันนั้นทุกคนฉลองการปิดเทอมด้วยการทำห้องเลอะเทอะไปหมด จนอาจารย์ประจำชั้น (ซึ่งเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษด้วย) เขียนอะไรซักอย่างบนกระดาน ซึ่งผมเองจำข้อความทั้งหมดไม่ได้ แต่ที่จำได้จนวันนี้คือคำว่า Self-Discipline ซึ่งในช่วงนั้นก็ยังแปลไม่ออกครับ ต้องถามเพื่อนว่าแปลว่าอะไร (แปลว่าการมีวินัยในตนเอง) ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าเพราะทำไม (อาจจะเป็นเพราะทำให้อาจารย์ผิดหวัง) แต่หลังจากนั้นก็จะติดที่คำนี้มาตลอด จนกระทั่งนำมาสอนทั้งลูกและลูกศิษย์ในปัจจุบัน

การเรียนรู้จากเหตุการณ์ในอดีตนั้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ไม่ดีหรือเลวร้าย เราต้องอย่ามองด้วยใจที่รันทดหรือเป็นอคตินะครับ แต่ขอให้พยายามเรียนรู้จากเหตุการณ์เหล่านั้น เพื่อนำมาหล่อหลอมเป็นค่านิยม หรือ ทัศนคติในการดำรงชีวิตของตนเอง และเผลอๆ อาจจะทำให้เกิดแรงบันดาลใจหรือความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำขึ้นมาได้ครับ

คุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำแบบ Authentic (หรือในความเห็นผมของพวกเราทุกคนครับ) คือสิ่งที่ฝรั่งเขาเรียกว่า Self-Awareness หรือการรู้จักตนเองนะครับ บอร์ดที่ปรึกษาของ Standford ถูกถามว่าอะไรคือคุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำที่จะต้องได้รับการพัฒนา ผลปรากฎว่าออกมาเป็นเสียงเดียวกันเลยครับ นั้นคือการรู้จักตนเอง คนทำงานรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันต่างทำงานหนักเพื่อมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ โดยเห็นแบบอย่างความสำเร็จมาจากผู้อื่น แต่เมื่อประสบความสำเร็จแล้ว ก็มักจะรักษาความสำเร็จนั้นไว้ได้เพียงไม่นานครับ สาเหตุสำคัญก็คือคนเหล่านั้นไม่มีเวลาหันกลับมาดูและสำรวจตัวเองครับว่าจริงๆ แล้ว อะไรคือสิ่งที่ตนเองต้องการกันแน่ เราจะเห็นผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายคน ที่อยู่ดีๆ ก็ทิ้งความสำเร็จนั้นแล้วไปทำอย่างอื่นที่ตรงกันข้าม และสาเหตุหลักก็คือ “เพิ่งค้นพบตัวเอง” ดังนั้นท่านผู้อ่านทุกท่านคงจะต้องเริ่มจากทำความรู้จักตนเองก่อนนะครับว่าอะไรคือสิ่งที่ตนเองต้องการกันแน่ และยิ่งรู้จักตนเองเร็วเท่าใด ก็ยิ่งดีเท่านั้นครับ และที่สำคัญการที่รู้จักตนเองได้ดีนั้น ต้องกล้า และพร้อมที่จะยอมรับ โดยอาจจะศึกษาจากประสบการณ์หรือเหตุการณ์ที่ตนเองประสบมาในอดีต หรือ การเปิดใจรับฟังความเห็นจากคนที่ใกล้ชิดและหวังดีกับเราจริงๆ

จะเป็นผู้นำที่ทั้งดีและเก่งได้คงจะต้องเริ่มต้นจากการทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของท่านก่อนนะครับ ในสัปดาห์หน้าเรามาดูกันต่อนะครับว่ามีปัจจัยอะไรอีกบ้างที่สำคัญ