1 September 2004

สัปดาห์นี้ยังขอเล่าถึงบริษัทที่น่าทึ่งบริษัทหนึ่งในโลกต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วนะครับ บริษัทนี้ชื่อ SEMCO เป็นบริษัทในบราซิลที่ฉีกกฎทางด้านการจัดการแทบทุกชนิด แต่ยังมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในสัปดาห์นี้ผมจะมาเล่าถึงนโยบายประการหนึ่งของบริษัทที่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างครับ นั้นคือการอนุญาติให้พนักงานสามารถเลือกเวลาในการทำงานของแต่ละคนได้โดยอิสระ จะเข้ามาทำงานมากน้อยเพียงใดก็ได้ รวมถึงสถานที่ที่จะทำงานด้วย ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะคิดว่าถ้าขืนทำแบบนี้ที่บริษัทของท่าน มีหวังปั่นป่วนแน่ เรามาลองดูกันนะครับว่า Ricardo Semler ผู้บริหารสูงสุดและเจ้าของบริษัท Semco เขาทำได้อย่างไร

Ricardo มีความเชื่อว่าการที่ทำให้พนักงานแต่ละคนได้มีเวลาที่มีคุณภาพกับครอบครัว มีความสุขในครอบครัว รวมทั้งความต้องการส่วนตัวของพนักงานแต่ละคนได้รับการตอบสนอง จะทำให้พนักงานสามารถทำงานได้ดี ที่บริษัท Semco ผู้บริหารและเจ้าของอย่าง Ricardo จะมีนโยบายเลยครับว่าถ้าพนักงานจะต้องเลือกระหว่างชีวิตส่วนตัวกับงาน ขอให้พนักงานเลือกชีวิตส่วนตัวก่อน และถ้าพนักงานมีความสุขกับชีวิตส่วนตัวแล้ว ย่อมจะทำให้ทำงานได้ดี 

ท่านผู้อ่านลองสังเกตตัวของท่านเองนะครับว่าในวันหยุดของท่าน ท่านได้หยุดจริงๆ กันซักเท่าใด ท่านได้มีโอกาสนั่งดูทีวีหรืออ่านหนังสือเฉยๆ โดยไม่ต้องทำอะไรบ้างไหมครับ? ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านก็ยังคงต้องทำงานในวันหยุด ไม่ว่าจะเป็นการอ่านอีเมล การอ่านรายงาน การเตรียมงานสำหรับสัปดาห์ต่อไป หรือแม้กระทั่งไปทำงานในวันหยุด ดูเหมือนว่าวันหยุดของเราจะไม่ได้เป็นวันหยุดจริงๆ ยิ่งในปัจจุบันวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ยิ่งทำให้เราสามารถติดต่อและได้รับการติดต่อตลอด 24 ชั่วโมง ยิ่งทำให้วันหยุดจริงๆ ของเราน้อยลงไปทุกที 

ที่บริษัทอย่าง Semco นั้นเขาไม่ปฏิเสธเทคโนโลยีครับ แต่ในเมื่องานต่างๆ เริ่มลุกลามเข้ามาในวันหยุด เขาก็เลยปฏิวัติใหม่เลยครับ นั้นคือให้เปลี่ยนวิธีในการทำงานเสีย ที่ Semco เขาจะไม่ยึดติดกับวันทำงานและวันหยุดปกติที่เราคุ้นเคย (จันทร์ถึงศุกร์ทำงาน เสาร์-อาทิตย์หยุดพัก) กันครับ แล้วเขามองว่าในสัปดาห์หนึ่งมีเจ็ดวัน ดังนั้นในเจ็ดวันดังกล่าว ก็ขอให้แบ่งเป็นช่วงเวลาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเวลาทำงาน เวลาสำหรับครอบครัว หรือ เวลาว่างจริงๆ จากนั้นพนักงานแต่ละคนก็จะต้องหาวิธีการของตนเองในการบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ เช่น แทนที่จะต้องรีบออกมาแต่เช้าและผจญกับการจราจรที่ติดขัด ก็ขอให้ปรับตารางการทำงานของตนเองให้อยู่ในช่วงที่ไม่จำเป็นต้องเจอกับปัญหาการจราจร เช่น ในเช้าวันจันทร์ก็อาจจะเป็นเวลาว่างและพักผ่อนของท่าน เนื่องจากตลอดวันอาทิตย์ ท่านได้ใช้เวลาทั้งวันในการตอบอีเมล และจัดการกับเอกสารต่างๆ ที่มีอยู่

สิ่งเหล่านี้เหมือนกับจะดูง่ายนะครับ แต่จริงๆ แล้วทุกคนในองค์กร รวมทั้งตัวผู้บริหารขององค์กรเองจะต้องเข้าใจในหลักการเบื้องต้นเหล่านี้ก่อนนะครับ เนื่องจากถ้าเราสามารถบริหารเวลาการทำงานของเราเองได้ย่อมจะทำให้ลดความเครียดจากตารางเวลาการทำงานได้ นั้นคือแทนที่จะไปยึดติดกับข้อจำกัดของเวลา ก็ให้สภาวะแวดล้อมและปัจจัยทางธรรมชาติเป็นตัวกำหนดแทน ท่านผู้อ่านลองคิดดูนะครับว่าแทนที่จะต้องตื่นแต่เช้ามาผจญกับปัญหาการจราจรและฝนตกในเช้าวันจันทร์ ท่านสามารถที่จะตื่นสาย พักผ่อนในช่วงเช้าที่บ้าน จากนั้นพอสายๆ รถหายติดและฝนหยุดตก ค่อยออกไปทำงานและอาจจะอยู่จนค่ำ จะทำให้ท่านมีความสุขเพียงใดครับ และถ้าท่านมีความสุขแล้วย่อมส่งผลดีต่อองค์กรของท่าน เนื่องจากท่านจะพบความสมดุลทั้งในเรื่องของการทำงาน ชีวิตส่วนตัว และความสบายใจ หรือท่านผู้อ่านลองคิดดูซิครับว่าถ้าท่านผู้อ่านใช้เวลาช่วงอาทิตย์บ่ายในการตอบอีเมล แล้วพอบ่ายวันจันทร์ก็ใช้เวลาไปดูหนังพักผ่อน ชีวิตจะมีความสุขเพียงใด?

ถึงตอนนี้ท่านผู้อ่านก็อาจจะสงสัยและถามต่อนะครับว่า ถ้าขืนพนักงานอิสระในเรื่องของเวลาการทำงาน ก็จะต้องเกิดภาวะปั่นป่วนวุ่นวายกันแน่ อาจจะมีพนักงานกว่าครึ่งที่ถือโอกาสไม่มาทำงานและงานก็จะไม่เสร็จ ซึ่ง Ricardo เชื่อว่าภาวะแบบนั้นยากที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากเขามีความคิดที่ว่าพนักงานย่อมอยากที่จะทำงาน ตราบใดที่งานไม่ขัดแย้งกับชีวิตส่วนตัว หรือ ความต้องการของแต่ละคน ที่บริษัท Semco เชื่อกันว่ามนุษย์ทุกคนต้องการที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย การหาความสุขให้กับครอบครัว หรือการสร้างอนาคต เพียงแต่อย่าไปบังคับให้มนุษย์ต้องทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้อยู่ตลอดเวลา คนทุกคนย่อมต้องการเวลาว่างสำหรับตนเองบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ผมเห็นด้วยนะครับ ได้มีโอกาสพบเจอคุณแม่หลายคนที่ออกมาเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน โดยที่คุณแม่เหล่านี้ก็มีความมุ่งหมายที่จะเลี้ยงลูกตนเองออกมาให้ได้ดี แต่เมื่อสังเกตดูก็จะพบว่าคุณแม่เหล่านี้ก็ต้องการเวลาส่วนตัวบ้าง ไม่ใช่ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับลูกเพียงอย่างเดียว

ที่บริษัทอย่าง Semco เขาจะไม่ยึดกับรูปแบบในการทำงานแบบเดิมๆ การทำงานที่บริษัทนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ เก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น นอกจากเรื่องของเวลาแล้วยังไม่จำกัดในเรื่องของสถานที่อีกด้วยว่าการทำงานนั้นจะต้องทำงานที่สำนักงาน ถึงตอนนี้บางท่านก็อาจจะสงสัยต่อนะครับว่า ถ้าเป็นอิสระกันขนาดนี้แล้ว การพูดคุยปฏิสัมพันธ์กันระหว่างเพื่อนร่วมงานหรือการทำงานร่วมกันระหว่างบุคคลต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นเลย Ricardo ก็ได้ยกตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจของบริษัทเขาครับ นั่นคือในสายการผลิต ที่ปกติเรามักจะคิดว่าในสายการผลิตนั้นจำเป็นที่จะต้องให้ทุกคนมาเจอและอยู่พร้อมหน้ากัน แต่ถ้าบริษัทให้อิสระกับพนักงานทั้งในเรื่องของเวลาและสถานที่แล้ว กระบวนการผลิตก็คงจะเดินไม่ได้ อย่างไรก็ดี Ricardo มีความเชื่อมั่นว่าพนักงานของเขาเป็นผู้ใหญ่เพียงพอที่จะทำทุกวิธีทางเพื่อไม่ให้งานของตนเองเสีย ดังนั้น Ricardo เชื่อว่าเมื่อนำระบบการทำงานที่เป็นอิสระเช่นนี้มาใช้แล้วย่อมจะไม่ทำให้งานหยุดชะงักหรือเสียไป ในช่วงแรกของการนำระบบนี้มาใช้ที่โรงงาน ก็มีผู้เตือน Ricardo เรื่องของปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการให้อิสระในการทำงาน ทางบริษัทก็เลยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อคอยดูแลพนักงานในสายการผลิต โดยจะให้ประชุมเดือนละสองครั้งเพื่อแก้ไขปัญหาหรือข้อขัดแย้งต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ในภายหลัง Ricardo พบว่าคณะกรรมการชุดนี้ไม่เคยจะต้องประชุมเลยครับ เนื่องจากก่อนเริ่มนำระบบการทำงานแบบอิสระมาใช้ พนักงานในสายการผลิตก็จะหันหน้าเข้าหากัน และหาเวลาที่แต่ละคนจะเข้ามาทำงาน เพื่อที่จะได้มาทำพร้อมกัน ซึ่งก็ทำให้พนักงานมีอิสระที่จะเลือกเวลาทำงานและงานก็ยังคงเดินต่อไปได้

เป็นอย่างไรบ้างครับดูเหมือนว่าที่บริษัท Semco เขาจะให้ความไว้วางใจต่อคนของเขามาก แต่ในขณะเดียวกันก็ตอบแทนด้วยอิสระในการทำงาน นี่เป็นเพียงแค่เสี้ยวเดียวของเรื่องราวของเขานะครับ ถ้ามีโอกาสจะนำเสนอเรื่องราวของบริษัทที่น่าทึ่งแห่งนี้ต่อนะครับ