10 October 2004
ท่านผู้อ่านลองสำรวจตัวเองดูหน่อยนะครับว่าท่านมีลักษณะดังต่อไปนี้หรือไม่? เมื่อมีใครมาขอร้องหรือขอความช่วยเหลือจากท่าน ท่านจะรับปากได้อย่างรวดเร็ว แต่ท่านจะมีปัญหาในการส่งงานหรือทำตามในสิ่งที่ได้รับปากไว้ จนสุดท้ายท่านจะมีชื่อเสียงหรือเป็นที่รอบรู้ของคนรอบข้างว่าเป็นประเภทรับปากผู้อื่นง่ายแต่ไม่สามารถส่งงานหรือทำตามที่รับปากไว้ได้เลย ถ้าท่านเป็นผู้ที่มีลักษณะดังกล่าวข้างต้น หรือท่านรู้จักผู้ที่มีลักษณะข้างต้น เราลองมาดูกันนะครับว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ท่านมีลักษณะดังกล่าว
ถ้าท่านมีลักษณะข้างต้น ก็ขอให้มองในแง่ดีไว้นะครับว่าท่านเป็นผู้ที่เน้นในเรื่องของคนและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมาก แต่ข้อเสียก็คือท่านจะไม่ค่อยเน้นในเรื่องของงานเท่าใด ท่านจะเป็นผู้ที่ไม่สามารถจัดระเบียบของชีวิตและการทำงานได้เท่าไหร่ และมักจะดำเนินชีวิตตามคำร้องขอหรือตามความต้องการของผู้อื่น ท่นมักจะไม่ค่อยมีการติดตามในสิ่งที่ได้รับปากผู้อื่นไว้ หรือในหลายๆ ครั้งท่านก็จะรับปากผู้อื่นไว้ก่อน โดยที่ละเลยหรือไม่ได้คิดล่วงหน้าถึงผลของการรับปากนั้น โดยปกติแล้วท่านจะรู้สึกไม่ดีที่ไม่สามารถทำตามที่รับปากได้ แต่ท่านก็อาจจะไม่รู้สึกรับผิดชอบต่อการที่ไม่สามารถส่งงานตามที่ได้รับปากไว้ เนื่องจากท่านจะสามารถหาข้ออ้างหรือประเด็นอื่นที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของท่านมาเป็นข้ออ้างที่ทำให้ท่านไม่สามารถส่งงานหรือทำตามที่รับปากไว้ได้
บางครั้งเราเรียกบุคคลที่มีลักษณะข้างต้นทั้งหมดว่าเป็น Yes Person นั่นคือ ไม่ว่าในสถานการณ์หรือภาวะใดก็จะรับปากผู้อื่นไปหมด เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักก็คือต้องการรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่นไว้ หรือไม่ต้องการทำให้ผู้อื่นผิดหวังและเสียใจ แต่ผลที่ท่านจะได้รับก็คือ ท่านไม่สามารถทำตามสิ่งที่ได้รับปากผู้อื่นไว้ได้ ซึ่งสุดท้ายย่อมส่งผลเสียต่อตัวท่านเอง หรือถ้าท่านสามารถทำตามที่รับปากไว้ได้ ชีวิตท่านก็จะไม่มีเวลาเป็นของตนเองและไม่สามารถทำงานในส่วนของท่านได้เลย เนื่องจากท่านมัวแต่ใช้เวลาที่มีอยู่ในการตอบสนองคำร้องขอและความต้องการของผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา
ท่านที่รู้สึกว่าตนเองเป็น Yes Person คงจะต้องเรียนรู้ที่จะปฏิเสธผู้อื่น หรือรู้จักที่จะพูดคำว่า “ไม่” บ้าง แต่ในขณะเดียวกันท่านก็จะต้องเรียนรู้ที่จะปฏิเสธด้วยวิธีการที่ไม่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่ดีกับตัวท่าน เพราะท่านอย่าลืมนะครับว่าถ้าท่านมีลักษณะเป็น Yes Person แสดงว่าท่านเป็นผู้ที่เน้นหรือให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมาก ดังนั้นการที่จะให้ท่านกล่าวปฏิเสธผู้อื่น โดยที่ทำให้เกิดความร้าวฉานในความสัมพันธ์ก็คงไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะทำ อย่างไรก็ดีขอให้ท่านระลึกไว้เสมอนะครับว่าถ้าท่านไม่รู้จักหรือไม่สามารถที่จะพูดคำว่า “ไม่” กับผู้อื่นได้ ชีวิตท่านก็จะเต็มไปด้วยสิ่งที่จะต้องตลอดเวลา (To Do’s List)
การที่จะปฏิเสธคำร้องขอของผู้อื่นได้ คงจะต้องเริ่มจากตัวของท่านเองนะครับ ท่านจะต้องรู้จักตัวของท่นเองก่อนว่าอะไรคือสิ่งที่ท่านอยากจะทำหรือไม่อยากจะทำ ท่านจะต้องรู้จักตัวของท่านเองก่อน แล้วเมื่อใครเริ่มร้องขอหรืออยากจะได้อะไรจากท่านก่อนที่ท่านจะรีบตอบตกลงก็ขอให้หยุดคิดก่อนว่าสิ่งที่ท่านได้รับการร้องขอมานั้นสอดคล้องกับสิ่งที่ท่านอยากจะทำหรือไม่? เมื่อท่านทราบแล้วว่าสิ่งที่ผู้อื่นร้องขอไม่ตรงกับสิ่งที่ท่านอยากทำ ท่านก็ต้องหาทางปฏิเสธคำร้องขอเหล่านั้นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิเสธโดยตรงหรือปฏิเสธอย่างอ้อมๆ แต่จะเลือกปฏิเสธด้วยวิธีการใดก็ต้องดูปัจจัยที่สำคัญหลายประการนะครับ เช่น ปฏิเสธกับผู้ใด ถ้าเป็นเพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน หรือผู้ที่ไม่ค่อยได้มีความสัมพันธ์ด้วย ท่านก็สามารถบอกไปได้ตรงๆ เลยว่า “ไม่” แต่ก็ต้องระวังไว้เหมือนกันนะครับ เพราะบางทีเราจะรู้สึกเกรงใจที่จะต้องปฏิเสธก็เลยมีคำอธิบายยาวเหยียดเลยว่าอะไรคือสาเหตุที่จำต้องปฏิเสธ หรือบางครั้งก็ไม่กล้าปฏิเสธในตอนแรก แต่รับมาก่อน แล้วค่อยมาปฏิเสธในตอนหลัง ซึ่งก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างใดกับทั้งสองฝ่ายเลยครับ ดังนั้นถ้าจะปฏิเสธตรงๆ ก็รีบปฏิเสธไปตั้งแต่ต้นเลยครับ และอย่าลืมว่าจะต้องชัดเจนตั้งแต่ตอนแรกเลย
ทีนี้ถ้าผู้ที่ท่านจะปฏิเสธเป็นเจ้านาย ลูกค้า หรือผู้ที่ท่านมีปฏิสัมพันธ์ด้วยอย่างต่อเนื่อง ท่านจะพูดคำว่า “ไม่” ตั้งแต่ต้นเหมือนในกรณีข้างต้นก็คงจะเป็นไปได้ยากนะครับ เนื่องจากหลายๆ ครั้งการปฏิเสธจะนำไปสู่ความคาดหวังของอีกฝ่ายในอนาคต ท่านจะต้องหาวิธีการที่นุ่มนวลและอ้อมๆ ในการปฏิเสธคำร้องขอจากบุคคลกลุ่มนี้ครับ ไม่ว่าจะเป็นการหาทางออกหรือทางเลือกอื่นให้กับเขา หรือ การถือโอกาสนั้นในการสอนหรือเสนอแนะเพื่อให้เขาสามารถทำงานได้เอง (โดยไม่ต้องขอร้องท่านอีกต่อไป) แนวทางนี้อาจจะดูเหมือนง่ายนะครับ แต่ทำได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะในสังคมเมืองไทยที่ยังมีระบบอาวุโสอยู่ ท่านผู้อ่านคงจะเจอสถานการณ์หลายๆ ครั้งนะครับที่ผู้ที่มีอาวุโสกว่าท่านและเป็นที่เคารพของท่านขอร้องท่าน และท่านยากที่จะหาทางปฏิเสธได้ แต่เรื่องนี้จะต้องค่อยๆ หัดครับ และที่สำคัญก็คืออย่าทำให้สัมพันธภาพระหว่างท่านก็เขาเสียไปด้วย
พอจะสรุปได้นะครับว่าถ้าท่านไม่อยากจะเป็น Yes Person ไปเรื่อยๆ ท่านก็จะต้องรู้จักที่จะเรียนรู้ที่จะปฏิเสธผู้อื่นบ้าง แต่วิธีการทีท่านจะเลือกใช้ในการปฏิเสธนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ที่ท่านจะปฏิเสธอีกด้วยนะครับ