17 October 2004
ได้เจอหนังสือเล่มหนึ่งครับน่าสนใจดี เลยอยากจะนำเนื้อหาสำคัญๆ บางตอนมาเล่าสู่กันฟัง หนังสือเล่มนี้ชื่อ Bad Leadership: What It Is, How It Happens, Why It Matters เขียนขึ้นโดย Barvara Kellerman ซึ่งอยู่ที่ Harvard University’s Kennedy School of Government ที่บอกว่าน่าสนใจก็คือหนังสือเล่มนี้แทนที่จะพูดถึงและสรรเสริญผู้นำในทางที่ดีเหมือนเล่มอื่น เขาจะเขียนถึงด้านมืดของผู้นำ หรือในอีกนัยหนึ่งคือผู้นำที่แย่ เคยได้อ่านบทสัมภาษณ์ของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ซึ่งผู้สัมภาษณ์ได้ถามผู้เขียนว่าทำไมถึงเลือกเขียนถึงผู้นำที่แย่ ในขณะที่หนังสือเกี่ยวกับภาวะผู้นำส่วนใหญ่ จะพูดถึงผู้นำที่ยิ่งใหญ่ หรือประสบความสำเร็จทั้งนั้น ซึ่งผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่าธรรมชาติของมนุษย์มีความซับซ้อน ทำให้มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดีอยู่ในตัวเราเอง และบรรดาผู้นำที่แย่ทั้งหลายก็ไม่ค่อยได้มีการศึกษาหรือนำมาแนวทางเผยแพร่เท่าใด ทำให้เธอเกิดความคิดอยากที่จะเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา
ท่านผู้อ่านคงจะเริ่มสงสัยแล้วนะครับว่าลักษณะของผู้นำที่เราเรียกว่าแย่หมายถึงอะไร? ในหนังสือเล่มนี้เขาระบุไว้ชัดเจนเลยครับว่า ผู้นำที่แย่นั้นในหลายๆ ครั้งยากที่จะแยกออกจากผู้นำที่ดี เนื่องจากทั้งสองกลุ่มมีความเหมือนกันมากกว่าความไม่เหมือนครับ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความฉลาดหลักแหลม ความกระตือรือร้น ความมุ่งมั่น การตัดสินใจที่เด็ดขาด มีทักษะในการสื่อสารที่ดี ฯลฯ ซึ่งถ้าเหมือนกันขนาดนี้แล้ว คำถามที่จะมีต่อก็คือ แล้วผู้นำที่แย่นั้นไปแย่หรือแตกต่างจากผู้นำที่ดีในตอนไหน?
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้แบ่งลักษณะของผู้นำที่แย่ไว้เป็นทั้งหมดเจ็ดประการครับ แต่ก่อนที่จะไปดูรายละเอียดของทั้งเจ็ดประการนั้น ในหนังสือเขาระบุไว้อย่างชัดเจนเลยครับว่าผู้นำที่แย่ทั้งเจ็ดประการนั้นมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างครับ คือ ผู้นำจะแย่ได้ จะต้องมีผู้ตามที่แย่ด้วยครับ (Bad Followership) เนื่องจากผู้นำจะแย่เองคนเดียวโดยที่ผู้ตามไม่แย่ด้วยก็เป็นไปไม่ได้ครับ ที่นี้เรามาดูลักษณะของผู้นำยอดแย่ทั้งเจ็ดประการกันก่อนนะครับ ท่านผู้อ่านลองดูนะครับว่าพอจะรู้จักใครที่เข้าข่ายบ้างหรือไม่
1) Incompetent ผู้นำประเภทนี้ชัดเจนครับคือขาดความรู้ ความสามารถ ทักษะ หรือความตั้งใจในการทำงานให้สำเร็จ และที่สำคัญครับผู้นำลักษณะนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านดีขึ้นมาบ้างเลย 2) Rigid ผู้นำประเภทนี้ก็เจอบ่อยครับ คือประเภทแข็งเป็นก้อนหิน นั่นคือทั้งตัวผู้นำและผู้ตามไม่พร้อม ไม่ยอมรับที่จะรับต่อแนวคิดหรือการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ข้อมูลใหม่ๆ หรือยอมรับว่าเมื่อเวลาเปลี่ยนไปสิ่งต่างๆ ย่อมที่จะเปลี่ยนตามไปด้วย เป็นผู้นำที่เรียกได้ว่าอนุรักษ์นิยมมากครับ 3) Intemperate เป็นผู้นำที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ครับ ถ้าแปลตามภาษาอังกฤษตรงๆ ก็คล้ายๆ กับพวกที่เมาแล้วไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ครับ แถมลูกน้องก็ยังไม่เข้ามาช่วยยับยั้งอีกต่างหาก (แต่สำหรับผู้นำนี่ไม่ได้หมายถึงเมาสุรานะครับ แต่อาจจะเป็นพวกเมาอำนาจหรือเมาอย่างอื่น ในหนังสือเล่มนี้เขายกตัวอย่างของผู้นำทิ่ติดยาครับ)
4) Callous ผู้นำประเภทนี้จะใจดำ ปราศจากความเมตตา กรุณา ไม่สนใจต่อความต้องการหรือข้อเรียกร้องของคนส่วนใหญ่ 5) Corrupt ผู้นำประเภทนี้แปลง่ายมากครับคือพวกฉ้อโกง ให้ความสนใจต่อความต้องการส่วนตัวเหนือสิ่งอื่นใด 6) Insular พวกนี้คล้ายกับพวกใจแคบครับ แต่จะใจดีกับเฉพาะคนหรือกลุ่มของตนเอง และถ้าใครก็ตามที่อยู่นอกกลุ่มของตนเองแล้ว ผู้นำประเภทนี้จะไม่สนใจหรือไม่เอาใจใส่เลยครับ เรียกเป็นไทยง่ายๆ ก็พวกเล่นพรรคเล่นพวก ครับ และ 7) Evil กลุ่มสุดท้ายก็ชัดเจนครับ คล้ายๆ กับยอมทำลายองค์กรเพื่อประโยชน์ส่วนตนครับ เป็นประเภทชอบที่จะเห็นผู้อื่นเขาเจ็บปวด เขาถึงตั้งชื่อว่าเป็นพวกปีศาจครับ
แต่ในหนังสือเล่มนี้เขาก็ไม่ได้พูดถึงแต่ตัวผู้นำอย่างเดียวนะครับ ผู้ตามก็เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เนื่องจากทั้งผู้นำและผู้ตามต่างมีส่วนร่วมและจะต้องรับผิดชอบต่อการบริหารจัดการที่ดีหรือแย่เท่าๆ กัน จนสุดท้ายอาจจะสรุปได้ว่าเราจะหยุดผู้นำที่แย่ไม่ได้ถ้าตัวผู้ตามเองไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบต่อการยกย่องผู้นำที่ดีและลงโทษผู้นำที่แย่
ทีนี้เมื่อหนังสือเล่มนี้พูดถึงผู้นำที่แย่แล้ว ลองมาดูซิครับว่าเขายังได้มีข้อเสนอแนะอย่างไรสำหรับผู้นำเพื่อไม่ให้ตนเองตกเป็นผู้นำที่แย่ โดยผมขอนำบ้างข้อมาให้ดูนะครับ เช่น อย่าอยู่ในตำแหน่งนานเกินไป เนื่องจากยิ่งผู้นำอยู่ในตำแหน่งนานเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสในการนำตัวเองไปสู่พฤติกรรมที่แย่ง่ายขึ้นเท่านั้น ตั้งแต่การหลงตัวเอง ปฏิเสธ ไม่ยอมรับความจริง หรือ ให้แบ่งอำนาจให้ผู้อื่นบ้าง อย่ารวบไว้กับตัวเพียงคนเดียว ให้ใช้หลักการบริหารในเรื่องของการกระจายอำนาจ หรือ อย่าหลงตัวเอง ไม่ใช่ว่าพอขึ้นมาเป็นผู้นำได้แล้วจะมีสิทธิที่จะบริหารองค์กรได้ตามใจชอบ หรือให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ผู้นำที่แย่ส่วนใหญ่จะไม่สามารถอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงได้ จะไปหลงอยู่ในวังวนของอำนาจ และสุดท้ายให้สร้างความสมดุลในชีวิตทั้งในด้านชีวิตทำงาน ครอบครัว และเพื่อน
สัปดาห์นี้ขอนำเสนอเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ Bad Leadership นะครับ ถ้าท่านผู้อ่านสนใจคงจะต้องไปหาหนังสือฉบับเต็มอ่านกันนะครับ